ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กำลังผลิตไฟฟ้าใหม่จากผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ (IPP) โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ Gulf รวม 5,000 เมกะวัตต์ ที่จะเป็นกำลังผลิตใหม่ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ PDP (Power Development Plan 2558-2579) ฉบับที่ใช้ในปัจจุบันนั้นยังคงดำเนินการได้ตามแผน เนื่องจากได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยกำลังผลิตดังกล่าวจะเริ่มผลิตไฟฟ้าเข้าระบบสำหรับยูนิตแรกในปี 2565 และยูนิตที่ 2 ในปี 2568 ซึ่งโครงการทั้งหมดใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า
ส่วนกำลังผลิตใหม่โดยเฉพาะกำลังผลิตส่วนของ กฟผ.นั้นจะต้องรอความชัดเจนในการปรับแผน PDP แล้วเสร็จก่อน จึงจะสามารถระบุได้ว่าจะมีการขยับเลื่อนกำลังผลิตออกไปหรือไม่ เพราะยังมีข้อกังวลในประเด็นปริมาณสำรองไฟฟ้า (re-serve margin) ที่ปัจจุบันสูงถึงร้อยละ 30 ในขณะที่ค่ามาตรฐานที่ใช้อยู่ที่ร้อยละ 15 เท่านั้น
ทั้งนี้ สำหรับแผน PDP ที่อยู่ระหว่างปรับปรุงใหม่ และ ดร.ศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้กำหนดกรอบเวลาว่าจะต้องปรับปรุงแผนดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2561 นั้น สนพ.ได้เริ่มขั้นตอนแรกไปแล้วคือ การจัดทำค่าพยากรณ์ไฟฟ้า (load forcase) ซึ่งมีปัจจัยเพิ่มเติมที่ต้องนำมาคำนวณร่วมด้วยคือ การขยายตัวของพลังงานแสงอาทิตย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโซลาร์รูฟท็อปที่เริ่มมีการติดตั้งบนหลังคาบ้านเพื่อลดการซื้อไฟฟ้าจากระบบปกติ และคาดว่าภายหลังจากมีการประกาศเงื่อนไขการซื้อ-ขายไฟฟ้าเพิ่มจากโครงการโซลาร์รูฟท็อปเสรี รวมถึงการขยายตัวของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และความต้องการใช้ไฟฟ้าในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) อีกด้วย และคาดว่าแผน PDP จะดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลาดังกล่าว
"กัลฟ์ เอ็นเนอร์จีฯ (Gulf) ดำเนินการตามขั้นตอนทั้งหมด และมีความพร้อมที่จะลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าเพื่อให้เข้าระบบตามเวลาที่ระบุในสัญญา"
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ Gulf ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีเป้าหมายของการระดมทุนครั้งนี้เพื่อใช้ลงทุนและเงินให้กู้ยืมแก่บริษัทย่อยและบริษัทร่วมของบริษัท รวมถึงการลงทุนในโครงการต่าง ๆ ของบริษัทในอนาคต
ปัจจุบันมีโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว 4 โครงการ มีกำลังผลิตติดตั้งรวม 4,772 เมกะวัตต์ ซึ่งคิดเป็นกำลังผลิตตามสัดส่วนการเป็นเจ้าของอยู่ที่ 1,963.5 เมกะวัตต์ โดย กัลฟ์ฯ (Gulf) ยังมีแผนที่จะขยายโรงไฟฟ้าในประเทศ ทั้งนี้ในปี 2567 จะขยายกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มอีก 6,353 เมกะวัตต์ คิดเป็นกำลังผลิตตามสัดส่วนการเป็นเจ้าของ 4,365 เมกะวัตต์ ที่สุดในประเทศ