นายกอปศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน สัมมนาครั้งยิ่งใหญ่ "มวยไทย สืบสานอัตลักษณ์ไทยสู่เวทีเศรษฐกิจโลก" ภายใต้โครงการสนับสนุนเครือข่าย SME ปี 2561 พร้อมกล่าวเปิดงานว่า มวยไทยเป็นสินค้าวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์และมีจุดแข็ง ที่สามารถเพิ่มมูลค่าของสินค้าผ่านความคิดสร้างสรรค์ และนำไปสู่การส่งออกสินค้าและบริการไทยที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้ ทำให้ชาวต่างชาติได้เรียนรู้วัฒนธรรมและประเพณีของไทย ส่งผลถึงความต้องการสินค้าไทย และเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้นในแต่ละปี ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อสร้างความสนใจให้ต่างชาติหันมาสนใจสินค้าไทยมากขึ้น นำไปสู่การส่งออกสินค้าและบริการใหม่ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ในส่วนของภาครัฐ ได้มีมาตรการเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาประสิทธิภาพในการประกอบการให้กับ SME โดยมุ่งเน้นกลุ่มเครือข่ายที่มีบทบาทความสำคัญทางเศรษฐกิจของไทยและมีศักยภาพในการสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคลัสเตอร์มวยไทยถือเป็นเครือข่ายที่มีบทบาททั้งในเชิงเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของประเทศไทย โดยมูลค่าของมวยไทยที่เกิดขึ้นทั้งในด้านกีฬาอาชีพ กีฬาเพื่อสุขภาพ สินค้าสนับสนุน สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 100,000 ล้านบาทต่อปี หากหน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้อง คิดค้นวิธีการนำเสนอและปรับรูปแบบให้เข้ากับหลักการทางการตลาดได้ ก็จะสามารถเพิ่มรายได้ของประเทศไทยได้อีกช่องทางหนึ่ง
นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า สสว. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการ SMEs ที่ถือว่าเป็นส่วนสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โดยกิจกรรมพัฒนาเครือข่ายมวยไทย ภายใต้โครงการสนับสนุนเครือข่าย SME ปี 2561 นี้ เป็นหนึ่งในเครือข่ายที่สำคัญและกำลังเติบโต ปัจจุบัน ประเทศไทยส่งออกครูมวยไปสอนในต่างประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ธุรกิจมวยไทยได้รับความนิยมมาก สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ และเป็นกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติ จนกลายเป็นกีฬาที่สร้างสุขภาพ มีความเป็นอัตลักษณ์ของชาติ แต่ยังขาดแผนแม่บทในการพัฒนาเครือข่ายอย่างเป็นระบบ
ดังนั้น ในปี 2561 สสว. จึงได้มีการจัดทำโครงการพัฒนาเครือข่ายมวยไทยขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือและเชื่อมโยงกันระหว่างผู้ประกอบการในกลุ่มเครือข่ายมวยไทยที่เป็นที่ต้องการของตลาด โดยมุ่งเน้นการรวมกลุ่มของเครือข่ายต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ให้เป็นเครือข่ายที่เข้มแข็ง รวมทั้งการพัฒนาผู้ประกอบการในเครือข่ายมวยไทย ให้มีศักยภาพในการแข่งขัน โดยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาพัฒนากระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มผลผลิต พัฒนาคุณภาพมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ พัฒนาระบบการบริหารจัดการ ตลอดจนการออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการให้มีความสร้างสรรค์ ซึ่งจะเป็นการยกระดับผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่ามากขึ้น
นายปรีชา ส่งวัฒนา รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย งานวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอุตสาหกรรมการผลิต (SMI)กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงานสัมมนาในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการดำเนินกิจกรรมพัฒนาเครือข่ายมวยไทย ภายใต้โครงการสนับสนุนเครือข่าย SME ปี 2561 โดยได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน อาทิ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.), สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.), โครงการเครือข่ายมวยไทย, สมาคมมวยที่เกี่ยวเกี่ยวข้อง ค่ายมวย โรงเรียนสอนมวยไทย โรงยิม และบริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปกรณ์กว่า 50 บริษัท อีกทั้งหน่วยงานภาครัฐที่สำคัญ ได้แก่ การกีฬาแห่งประเทศไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และสถาบันการศึกษา ทั้งมหาวิทยาลัยกรุงเทพ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ส่งบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา เข้ามาร่วมให้ข้อมูล ซึ่งเชื่อว่า หากมีการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับมวยไทย ให้เป็นระบบตลอดทั้งซัพพลายเชน จะสามารถสร้างมูลค่าให้กับเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างมหาศาล และเป็นจุดเริ่มต้นของการเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตรที่ดี พร้อมที่จะก้าวไปสู่เวทีเศรษฐกิจโลก