โดยการแข่งขันทำอาหาร "The 8th OOTOYA Oversea Kitchen Contest" เป็นการแข่งขันชิงสุดยอดเชฟของโอโตยะจากหลายๆ ประเทศ ซึ่งมีเกณฑ์การตัดสินที่เน้นความสำคัญถึงขั้นตอนการทำอาหารอย่างถูกต้อง และควบคุมดูแลขั้นตอนการทำอาหาร ให้เป็นไปตามมาตรฐาน มีความรวดเร็วและหน้าตาของเมนูที่สวยงามน่ารับประทาน การแต่งกายและเครื่องแบบสะอาด พร้อมเรื่องสุขอนามัย ปริมาณเครื่องปรุงและส่วนประกอบในอาหารที่ถูกต้องเพราะการรักษาคุณภาพของอาหารเป็นสิ่งสำคัญและเป็นหลักที่โอโตยะยึดมั่นเสมอมา
นายภวิชช์ อ่ำทิม ผู้อำนวยการอาวุโส แบรนด์โอโตยะ กล่าวถึงการคว้าแชมป์ในครั้งนี้ว่า สำหรับแบรนด์โอโตยะประเทศไทย ซึ่งสามารถคว้าแชมป์ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 ตอกย้ำถึงความสำเร็จในการบริหารจัดการ และการพัฒนาทีม การฝึกอบรมพนักงานอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการบริหารธุรกิจร้านอาหารในปัจจุบัน สำหรับโอโตยะเราเน้นย้ำในเรื่องการพิถีพิถันของรสชาติและคุณภาพอาหารทุกจาน โดยเน้นตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบ การปรุงสดใหม่ทุกจานก่อนเสิร์ฟถึงมือลูกค้า และเน้นพัฒนาการบริการให้ดีและรวดเร็วขึ้น
พนักงานของโอโตยะ ทุกคนที่เข้ามาเริ่มงานที่นี่จะถูกฝึกตั้งแต่เรื่องของมาตฐานการทำงานในทุกๆ แผนกที่อยู่ในครัว เริ่มตั้งแต่การเตรียมของ การจัดเก็บวัตถุดิบ การหั่น การผัด และการย่าง โดยจะเน้นย้ำในเรื่องของการพิถีพิถันในทุกขั้นตอน เพื่อให้เกิดความเชี่ยวชาญ โดยพนักงานคนไหนที่มีทักษะและมีพัฒนาการที่ดีก็จะได้รับการผลักดันให้ขึ้นเป็น ลีดเดอร์ของสาขานั้น ๆ และในทุกๆ ไตรมาสเราจะมี เชฟเทรนเนอร์ ซึ่งเป็นทีมที่ทางโอโตยะ ส่งไปอบรมโดยตรงกับทางโอโตยะประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำเทคนิคต่างๆ รวมถึงการรังสรรค์เมนูใหม่ๆ มาช่วยในการพัฒนาทีมของร้าน เพื่อให้รักษามาตรฐาน และวิธีการทำงานที่ถูกต้อง พร้อมกับการสอนให้พนักงาน มีทักษะในการถ่ายทอดและฝึกสอนให้กับทีมของร้านได้ ทั้งในส่วนของการทำอาหาร และงานด้านการบริการ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ โอโตยะ สามารถรักษามาตรฐาน และการทำงานอย่างมีระบบได้ทั้ง 44 สาขาของโอโตยะนั่นเอง เพราะโอโตยะเชื่อว่ารากฐานสำคัญที่ดีจากภายใน จะส่งต่อคุณภาพไปสู่ผู้บริโภค ด้วยความใส่ใจในการให้บริการที่มีคุณภาพ เพื่อให้ลูกค้าได้อิ่มอร่อย พร้อมกับบริการที่ดีที่สุด