นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เปิดเผยว่า ขณะนี้ กองทุนได้ร่วมมือกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ สพร. ในการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยน ข้อมูลของผู้กู้ยืมเงิน กยศ. เพื่อประโยชน์ในการนำข้อมูลมาใช้ในการบริหารจัดการหนี้ โดยได้พัฒนาระบบรองรับการให้บริการข้อมูลผู้กู้ยืมผ่านตู้บริการอเนกประสงค์ภาครัฐ (Government Smart Kiosk) ของ สพร. เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้กู้ยืมเงินในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของ กยศ. โดยปัจจุบัน กองทุนมีผู้กู้ยืมจำนวนกว่า 5.4 ล้านราย มีผู้ที่อยู่ระหว่างการชำระหนี้กว่า 3.5 ล้านราย ผู้กู้ยืมสามารถใช้บัตรประชาชนของตนเองเพื่อเข้าระบบตรวจสอบบัญชีผู้กู้ กยศ./กรอ. ผ่านตู้บริการอเนกประสงค์ภาครัฐ ผู้กู้จะได้ทราบสถานภาพ ยอดภาระหนี้คงค้าง และยอดที่ต้องชำระที่เป็นปัจจุบัน รวมถึงสามารถสั่งพิมพ์ QR code จากตู้บริการฯ เพื่อนำไปสแกนชำระหนี้ทาง Mobile Banking Application ของธนาคารกรุงไทย (KTB netbank) ต่อไป ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการดำเนินงานของรัฐบาลที่สนับสนุนให้หน่วยงานของรัฐใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการดำเนินงานและให้บริการประชาชนผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์
นางไอรดา เหลืองวิไล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล กล่าวถึงการส่งเสริมและสนับสนุนหน่วยงานของรัฐเกี่ยวกับการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลว่า ความร่วมมือระหว่าง สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA กับ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. คือความก้าวหน้าในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกให้ประชาชนติดต่อกับภาครัฐได้รวดเร็วขึ้น สำหรับ โครงการเชื่อมโยงข้อมูลจากระบบตรวจสอบข้อมูลผู้กู้ยืม ไปยังตู้บริการอเนกประสงค์ภาครัฐ (Government Smart Kiosk) มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้กู้ยืมสามารถตรวจสอบยอดชำระหนี้ กยศ. ได้ใกล้บ้าน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และสามารถสั่งพิมพ์เพื่อนำ QR code บนสลิปไปสแกนเพื่อชำระเงินผ่าน KTB Netbank ได้อีกด้วย
ปัจจุบันตู้บริการอเนกประสงค์ภาครัฐ เปิดให้บริการแล้วในกรุงเทพฯ ปริมลฑล และหลายๆ จังหวัดรวมทั้งสิ้น 56 จุดบริการ ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต นครสวรรค์ ขอนแก่น ชลบุรี อุบลราชธานี และสงขลา โดยนำบัตรประจำตัวประชาชนมาใช้บริการเพื่อตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ตู้บริการอเนกประสงค์ภาครัฐ ได้กว่า 18 บริการ อาทิ ข้อมูลทะเบียนราษฎร์ สิทธิการรักษาพยาบาล ตรวจสอบเงินสะสม (กรณีชราภาพ) และบัญชีสินเชื่อในเครดิตบูโรแบบสรุป เป็นต้น
ทั้งนี้ หน่วยงานภาครัฐจะนำบริการใหม่ๆ มาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยในแผนระยะยาวจะมีการขยายจุดติดตั้งไปทั่วประเทศ เพื่อให้ภาครัฐกับประชาชนสามารถเชื่อมโยงถึงกันได้ง่ายขึ้นในแบบ Real time