อดีตนักร้อง “เม จีระนันท์” จวกหมอเกาหลี ทำศัลยกรรมจนปางตาย ไร้เยียวยา

อังคาร ๑๗ กรกฎาคม ๒๐๑๘ ๑๖:๓๙
ทำเอาแฟนๆช็อคไปตามๆกันหลังอดีตนักร้องค่ายอาร์เอส เม-จีระนันท์ กิจประสาน เจ้าของเพลงฮิต นอนไม่หลับ (ถ้าไม่กลับพร้อมเธอ) คนเดียวไม่เหงาเท่า 3 คน ได้ออกมาเปิดใจเกี่ยวกับเรื่องการศัลยกรรมที่ทำให้เธอเกือบเอาชีวิตไม่รอด ล่าสุดวันนี้ (17 กค. 61) สาวเม ได้เดินทางมาพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในรายการ เจาะประเด็น ทาง ช่อง 8 โดยมี "ต่วย-ภคพงศ์ อุดมกัลยารักษ์ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ รวมถึงการต่อสู้เรื่องดังกล่าวกับโรงพยาบาลเกาหลี

ทนายความ อาจารย์วันชัย สอนศิริ นพ.เทพ เวชวิสิฐ ศัลยกรรมแพทย์

ทำไมถึงตัดสินใจไปทำศัลยกรรมที่เกาหลี

เม จีระนันท์ : ด้วยความที่เมทำอาชีพขายเสื้อผ้าและเป็นนางแบบใส่ชุดรีวิวด้วยตัวเอง ซึ่งตอนนี้เมก็อายุ 30 กว่าแล้ว แต่ด้วยรูปร่างเมจะตัวเล็ก ดูเหมือนเด็ก แต่เสื้อผ้าที่เมขายจะเป็นวัยกลางคนหรืออายุประมาณเม จะมีปัญหาตรงหน้าอกเพราะใส่แล้วไม่สวย เลยมีความคิดที่จะทำหน้าอก แต่ไม่ได้มีความคิดที่จะทำออกมาใหญ่มาก จะทำแค่ 250-350 ขนาดที่เป็นธรรมชาติและเหมาะกับตัวเอง ส่วนตาด้วยความที่เราอายุมาก หนังตาก็เริ่มย้อนคล้อย เวลาถ่ายรูปก็รู้สึกว่าเราดูแก่ขึ้น คือ เราเลยอยากจะทำศัลยกรรมเพื่อเสริมความมั่นใจและบุคลิกแค่นั้นเองค่ะ ตอนที่จะทำก็ปรึกษาคุณแม่ตลอด

แม่ : แม่ขอบอกไว้ตรงนี้นะคะว่า จริงๆคนที่จุดประกายให้เม ทำศัลยกรรมก็คือแม่ เราเห็นวัยของเค้าเริ่มมีอายุ เสื้อผ้า แม่ก็ดูแลให้ หน้าผิวพรรณต่างๆก็บอกให้ลูกไปทำ แต่ต้องศึกษาให้ดีๆก่อน เวลาเค้ารีวิวเสื้อผ้าก็ต้องหนีบ ต้องดึงไว้ด้านหลัง จนแม่เลยบอกเมว่า ลองไปทำหน้าอกมั้ยจะได้ดูดีขึ้น เวลาใส่เสื้อผ้าที่เป็นเกาะอก จะได้สวยขึ้น ตอนแรกน้องก็ปฏิเสธ ไม่กล้า

เม จีระนันท์ : ที่คุณแม่บอกมามันก็เป็นปัญหาจริงๆ แล้วเดี๋ยวนี้ใครก็ทำ แล้วคนที่เมรู้จักทั้งในวงการ เน็ตไอดอล ก็ทำ จนทำให้เรารู้สึกว่า การทำศัลยกรรมมันดี มันปลอดภัยมากขึ้น เมเลยตัดสินใจทำ แต่โจทย์เมก็คือ ต้องทำที่ดีที่สุด ในตอนนั้นเมก็คิดว่าจะทำที่เมืองไทยหรือเกาหลี ซึ่งพอทุกคนพูดถึงการทำศัลยกรรมก็ต้องที่เกาหลี ด้วยความที่เราก็เดินทางไปทำงานที่นั้นอยู่แล้ว เลยตัดสินใจไปทำที่นั้นเลย

หลังจากไปถึงที่โรงพยาบาลแล้ว ตั้งใจจะทำอะไรบ้าง

เม จีระนันท์ : ตั้งใจจะทำตากับหน้าอกค่ะ ตอนแรกคุณแม่ก็อยากให้เมทำจมูก แต่เมไม่ได้อยากทำอยู่แล้ว เมเลยลองถามดู เค้าบอกว่าไม่ควรทำ แล้วปากละ เค้าก็อบอกว่าให้ฝึกยิ้มเอา เราเลยรู้สึกมั่นใจว่าทางโรงพยาบาลไม่ฮาร์ดเซลล์ แต่คุณหมอที่เป็นเจ้าของโรงพยาบาลแต่ไม่ได้ผ่าตัดให้เม ได้อธิบายถึงปัญหาในใบหน้าของเม คือ โหนกแก้ม คาง เค้าเลยแนะนำว่าให้ทุบโหนก และดึงคางลงมาให้ยาวขึ้น เค้าบอกว่าไม่ได้น่ากลัวเลย ปลอดภัย ใช้เวลาแค่ 45 นาทีก็เสร็จ ซึ่งเมเองต้องดมยาวสลบอยู่แล้วก็ทำไปเลยทีเดียว ตื่นมาจะได้สวย ล่ามที่อยู่ตรงนั้นก็เอารีวิวให้ดู แต่สรุปก็ยังไม่ได้ทำในตอนนั้น แต่ก็คิดไว้ว่าจะกลับไปทำหลังจากทำหน้าอกและตาแล้ว ส่วนเรื่องหน้าอก เมตั้งใจให้เค้าผ่าเข้าตรงรักแร้เพราะถ้ามีแผลก็ยังเป็นแค่รอยพับ แต่ทางคุณหมอก็โน้มน้าวว่าให้ผ่าใต้ราวนม แต่เม รู้มาว่าถ้าเกิดผ่าตรงใต้ราวนมจะเป็นคีรอยด์ แต่เค้าก็ยังจะให้เราผ่าตรงราวนม เพราะมันจะประหยัดเงินมากกว่าและจะพักรักษาตัวประมาณ 1เดือน

ตอนนั้นเม ผ่าตัดวันที่ 21 ธค. ช่วงเช้ากำลังจะดีไซต์หน้าอกและตา เมก็เป็นลม แต่หมอบอกว่าอาจจะเป็นเพราะความกลัว พอหลังจากนั้น 1 ชม.คุณหมอก็พาเข้าห้องผ่าตัดเลย และเอาผลการตรวจเลือด ตรวจสุขภาพมายืนยัน ซึ่งผลออกมาก็ปกติดี

ช่วยเล่าเหตุการณ์ระหว่างผ่าตัด

เม จีระนันท์ : ตอนทำบอกคุณแม่ไว้ว่า 5 ชม แต่พอได้ผ่าตัดจริงๆ กลายเป็น 7-8 ชม. โดยเค้าบอกว่า7 วันเค้าจะตัดไหม และเอาถุงระบายเลือดออก แต่พอครบกำหนด 7 วันแล้ว คุณหมอบอกว่ายังไม่ถอดถุงระบายเลือดออกแต่ให้บินกลับไทยได้ ส่วนตัวคุณหมอจะบินกลับไทย วันที่ 3 มค 61 ซึ่งเค้าจะสอนให้คุณแม่เทถุงเลือดทุกวัน แต่เลือดไม่ได้ลดลงเลย แล้วยิ่งมีถุงเลือดกลับด้วย ก็ไม่ได้เป็นไปตามที่ตกลง

นพ.เทพ เวชวิสิฐ ศัลยกรรมแพทย์ : ส่วนใหญ่การผ่าตัดแบบผ่าทางรักแร้ สามารถผ่าตัดได้ภายในเวลาไม่กี่นาที แต่บางคนมีปัญหา คือ มีเลือดออกเราต้องห้ามเลือดก่อนเย็บปิด หรือ ถ้ามีเลือดออกมากก็ต้องพักนานขึ้น ส่วนการถือถุงเลือดข้ามประเทศมันก็เป็นเรื่องน่าแปลก ในกรณีแบบนี้ทางโรงพยาบาลเมื่อทราบปัญหาแล้วต้องแก้ปัญหาให้ทันไม่ใช่ปล่อยให้เป็นแบบนี้ ส่วนการเทถุงเลือดทุกวันก็เป็นการทำที่ไม่สมควรเพราะการติดเชื้อมันจะง่ายมาก ปกติจะต้องมีพยาบาลคอยดูแลไม่เคยให้คนไข้มาเทถุงเลือดเอง

มาถามทางทนาย ความอาจารย์วันชัย สอนศิริ ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

ทนายความวันชัย : ผมกับน้องเม ได้หารือกันรอบด้านแล้ว ว่าการฟ้องก็ดี หรือการร้องเรียนต่างๆก็ดี แน่นอนเราต้องทำไป แต่สิ่งที่ต้องทำ อย่าไปหวังผลมากนัก สิ่งที่ต้องฟ้องมากที่สุดกับชีวิตเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ผมว่าต้องฟ้องต่อสังคม เอาตัวเราเป็นกรณีศึกษา เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ต่อการฟ้องร้อง 2 ปี 5 ปี ก็ไม่รู้จะเสร็จรึไม่ ผมไม่อยากให้ผู้หญิงที่ไปทำศัลยกรรมเกาหลีไปเป็นเหมือนผักเหมือนปลา กรณีของน้องเมผมอยากให้เป็นกรณีศึกษา ให้องค์กรต่างๆตื่นตัวมากขึ้น สำหรับผมความเป็นผู้หญิงสิ่งที่สำคัญอีกอย่างก็คือหน้าอก หน้าอกที่เสียไปแล้ว จะ 60 ล้าน 100 ล้านก็เอากลับคืนมาไม่ได้ อย่าได้เอาเหตุนี้มาโต้แย้ง เราเป็นคนไทยด้วยกัน อย่าเอาจิตวิญญาณไปขายให้คนต่างชาติ สำหรับแนวทางการต่อสู้ ก็ต้องฟ้องกับหมอที่เป็นคนกระทำ ส่วนค่าเสียหายรพ.ก็ต้องรับผิดชอบ ส่วนเอเจนก็ถือว่ามีส่วนร่วมที่ทำให้เกิดการละเมิด สามารถฟ้องร้องได้ ซึ่งตอนนี้กำลังหารือด้านกฎหมายกันอยู่ครับ

เม จีระนันท์ : ข้อเท็จจริงที่เมอยากจะบอกก็คือหลังจากที่เอเจนออกมาพูดว่าเมเป็นคนเลือกหมอเอง นั้นไม่ใช่ความจริงค่ะ และถึงว่าเมจะไม่ได้อะไรเลยสักบาท เมก็ขอเอาเรื่องเมเป็นตัวอย่างให้สังคมต่อไปค่ะ

สามารถติดตาม รายการ เจาะประเด็น ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.25น.ทาง ช่อง 8 เข้มทุกเรื่องราว สุดทุกอารมณ์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ