กิจกรรมแรกเริ่มต้นที่วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิบรรยายเดี่ยว เผยแพร่แนวคิดด้านอุดมศึกษาหัวข้อต่าง ๆ เช่น ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม รองอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บรรยายหัวข้อ "มหาวิทยาลัย: ปฏิรูปตัวเองเพื่อสังคมไทย สังคมโลกอย่างแท้จริงได้อย่างไร" โดยชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นของประเทศไทยในปัจจุบัน ทั้งเรื่องของจำนวนคนที่เข้าสู่ระบบการศึกษาลดลง การส่งเสริมให้เรียนต่อต่างประเทศ ดังนั้นอุดมศึกษาไทยจะต้องปฏิรูปตัวเอง "การปฏิรูปเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ แม้จะเป็นเรื่องยาก แต่ก็ต้องทำ"
ด้าน ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบัน ทีดีอาร์ไอ. บรรยาย "อุดมศึกษาไทย ณ จุดเปลี่ยน" กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรและการก้าวกระโดดของเทคโนโลยี "เทคโนโลยีเปลี่ยน คู่แข่งเปลี่ยน ลูกค้าก็เปลี่ยนแปลงไปพร้อม ๆ กัน" และการที่ลูกค้าเปลี่ยน เป็นเรื่องที่ท้าทายมากกว่า ปัญหาหลักของหลายมหาวิทยาลัยคือการปรับตัวไม่ทัน และยึดติดกับวัฒนธรรมแบบราชการ และเชื่อว่าเรื่องของการบริหารจัดการที่ดี การคัดกรองกำลังทั้งบุคลากร นักศึกษา จะต้องเข้มข้น เป็นระบบและได้รับการส่งเสริมต่อเนื่อง รวมถึงงบประมาณ จะทำให้มหาวิทยาลัยขยับเข้าสู่การปรับตัวต่อไปได้ และต้องเรียนรู้ ร่วมมือกับภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศเพื่อการพัฒนาที่ดียิ่งขึ้นต่อไป
นายทนง โชติสรยุทธ์ ประธานกรรมการบริหารโรงเรียนและผู้อำนวยการโรงเรียนเพลินพัฒนา กล่าวตอนหนึ่งว่าอุดมศึกษาไทยถูกคาดหวังหลายเรื่อง เช่น สมรรถนะที่จำเป็นสำหรับศตวรรษที่ 21 ความต้องการของตลาดแรงงงานและภาคอุตสาหกรรม ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไทยแลนด์4.0 และความเชื่อมั่นการจัดอันดับทั้งในและต่างประเทศ และภารกิจของอุดมศึกษาจะต้องบูรณาการให้เชื่อมโยงกัน 3 เรื่อง คือ Education-การศึกษา Research-วิจัย และ Services-การให้บริการ ขณะที่รศ.ดร.พร้อมพิไล บัวสุวรรณ หัวหน้า ภาควิชาการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เน้นย้ำถึงการทำความเข้าใจของระบบนิเวศทางการศึกษา บทบาทของครูและอาจารย์ต้องเปลี่ยนเป็นผู้ให้คำปรึกษาและต้องรู้จักเลือกใช้เครื่องมือต่าง ๆ ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้มากขึ้น ส่วนแนวทางของอุดมศึกษาต้องมุ่งไปที่อนาคต รวมถึงต้องทำให้ทุกการเรียนรู้ ผู้เรียนสามารถเข้าถึงได้ง่าย
ถัดมาเป็นการบรรยายพิเศษ "ทางรอดของอุดมศึกษาไทย" จาก ศ.นพ.จรัส สุวรรณเวลา ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ) กล่าวว่าการผลิตบัณฑิตในประเทศไทยยังขาดการวางแผนมหภาค และไม่ได้ให้ความสำคัญกับข้อมูลสาธารณะในการนำมาประกอบใช้ และได้ย้ำถึงความสำคัญของการศึกษาว่า "การศึกษาเป็นตัวชี้วัดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ" และความคาดหวังต่อกระทรวงอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรมที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้พ้นจากสภาพการณ์ในปัจจุบันนี้ "ทุกมหาวิทยาลัยต้องบริหารจัดการ ปฏิรูปการศึกษาของตัวเอง เพื่อเป็นต้นแบบที่ดี แล้วนำไปเสนอ น่าจะเป็นคำตอบที่ดีกว่า"
ช่วงท้ายเป็นการสนทนาพิเศษหัวข้อ "กระทรวงอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม : ทางรอดของอุดมศึกษาไทย" โดย ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศ.(พิเศษ) ดร. ภาวิช ทองโรจน์ นายกสภามหาวิทยาลัยนครพนม และอุปนายก สสมท. และนายชัยณรงค์ อินทรมีทรัย์กรรมการสภามหาวิทยาลัยศิลปากร โดยมี นายสุทธิชัย หยุ่น เป็นผู้ดำเนินการสนทนา
"หน่วยงานเกี่ยวกับวิจัยของประเทศมีความหลากหลายและซ้ำซ้อน จึงต้องควบรวมใหม่ตามนโยบายการปฏิรูปประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งกระทรวงใหม่นี้จะเน้นการสร้างองค์ความรู้และสร้างคน เตรียมคนไทยสู่ศตวรรษ 21 และยกขีดความสามารถของนวัตกรรม เพราะนวัตกรรมเป็นองค์ประกอบสำคัญต่อการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจไปสู่เศรษฐกิจสังคมฐานนวัตกรรม" ดร.สุวิทย์ กล่าว
เรื่องราวทั้งหมดนี้จะประโยชน์ต่อวงการอุดมศึกษาไทยต่อไป ผู้สนใจข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้าชมคลิปย้อนหลังได้ที่ Facebook FanPage สมาคมสภามหาวิทยาลัย-ประเทศไทย