หลังจากที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมาประกาศว่าจะมีการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งเป็นไปตามโรดแมพที่กำหนดไว้ บรรดานักการเมืองและกลุ่มการเมืองต่างๆ ก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวเพื่อเตรียมตัวลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งที่จะถึงนี้ แม้จะยังไม่มีการอนุญาตให้เคลื่อนไหวหรือทำกิจกรรมทางการเมืองได้เป็นปกติก็ตาม ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มบุคคลร่วมกันเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ๆ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่จะถึงนี้ ซึ่งบางพรรคการเมืองได้มีกลุ่มการเมืองและอดีตนักการเมืองเข้าไปร่วมเปิดตัวและให้การสนับสนุนอย่างชัดเจนจนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคมเป็นวงกว้าง
ทั้งนี้ ผู้คนในสังคมได้วิพากษ์วิจารณ์และแสดงความเห็นต่อการเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ๆ ว่าถือเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับประชาชน รวมถึงทำให้ประเทศมีโอกาสได้นักการเมืองใหม่ๆ เข้ามาทำงาน แต่อย่างไรก็ตาม ผู้คนอีกส่วนหนึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการที่มีกลุ่มการเมืองหรืออดีตนักการเมืองเข้าไปมีส่วนร่วมเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ๆ ว่าอาจทำให้ประเทศกลับไปสู่ความขัดแย้งทางการเมืองได้อีกหลังการเลือกตั้ง จากประเด็นดังกล่าว สำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์จึงได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปต่อการเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ๆ กับการเป็นทางเลือกให้ประชาชน
จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดอายุ 18 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นเพศหญิงร้อยละ 50.29 ขณะที่ร้อยละ 49.71 เป็นเพศชาย สรุปผลได้ดังนี้ ในด้านความสนใจติดตามข่าวการเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ๆ เพื่อลงสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งที่จะถึงนี้ กลุ่มตัวอย่างเกือบครึ่งหนึ่งคิดเป็นร้อยละ 49.12 ระบุว่าตนเองให้ความสนใจติดตามข่าวการประกาศเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ๆ ของกลุ่มนักวิชาการ/นักการเมือง/นักเคลื่อนไหว/อดีตข้าราชการเพื่อเตรียมลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งที่จะถึงนี้เป็นบางพรรคการเมือง ขณะที่มีกลุ่มตัวอย่างไม่ถึงหนึ่งในห้าหรือคิดเป็นร้อยละ 18.53 ระบุว่าตนเองให้ความสนใจติดตามข่าวการเปิดตัวทุกพรรคการเมืองเลย โดยที่มีกลุ่มตัวอย่างถึงร้อยละ 32.35 ยอมรับว่าตนเองไม่ได้ให้ความสนใจติดตามข่าวการเปิดตัวพรรคการเมืองใดเลย
ในด้านความคิดเห็นต่อการเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชน กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 72.45 เห็นด้วยกับการเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชนในการเลือกตั้ง ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 19.8 ไม่เห็นด้วย ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 7.75 ไม่แน่ใจ
อย่างไรก็ตาม กลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 57.88 มีความคิดเห็นว่าพรรคการเมืองใหม่ๆ ที่เปิดตัวมาเพื่อเตรียมลงสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งที่จะถึงนี้ยังไม่มีพรรคการเมืองใดสามารถเป็นทางเลือกให้กับประชาชนได้เลย ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 29.15 มีความคิดเห็นว่าสามารถเป็นทางเลือกได้บางพรรค โดยที่มีกลุ่มตัวอย่างเพียงร้อยละ 12.97 ระบุว่าสามารถเป็นทางเลือกได้ทุกพรรค
ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างเกือบสี่ในห้าหรือคิดเป็นร้อยละ 78.26 ไม่เชื่อว่าพรรคการเมืองใหม่ๆ ที่เปิดตัวมาเพื่อเตรียมลงสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งที่จะถึงนี้จะมีส่วนช่วยยกระดับภาพลักษณ์การเมืองไทยให้สูงขึ้นกว่าในอดีตได้จริง แต่กลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 52.91 มีความคิดเห็นว่าการเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ๆ จะมีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสให้ประเทศไทยได้นักการเมืองรุ่นใหม่ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งที่จะถึงนี้
ในด้านความคิดเห็นต่อนักการเมืองกับการเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ๆ นั้น กลุ่มตัวอย่างมากกว่าสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 70.68 มีความคิดเห็นว่าการเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชนไม่จำเป็นต้องมีนักการเมือง/อดีตนักการเมืองเข้าไปเป็นสมาชิกพรรค อย่างไรก็ตาม กลุ่มตัวอย่างมากกว่าสามในสี่หรือคิดเป็นร้อยละ 76.58 ไม่รู้สึกแปลกใจที่มีอดีตนักการเมืองเข้าไปร่วมเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ๆ เพื่อเตรียมลงสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งที่จะถึงนี้
ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างประมาณสามในสี่หรือคิดเป็นร้อยละ 75.23 ระบุว่าตนเองไม่รู้สึกแปลกใจที่อดีตนักการเมืองซึ่งเคยประกาศเลิกเล่นการเมืองไปแล้วหวนกลับมาร่วมเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ๆ เพื่อเตรียมลงสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งที่จะถึงนี้ และกลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 51.9 กังวลว่าการเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ๆ ที่มีกลุ่มการเมือง/นักการเมืองให้การสนับสนุนจะนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศอีกครั้งหลังการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งที่จะถึงนี้ ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 39.34 ระบุว่าไม่กังวล ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 8.76 ไม่แน่ใจ (อ่านข่าวต่อ : https://bit.ly/2zWEyY9)