นายแพทย์สมชาย จันทร์สว่าง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง จำกัด (มหาชน) (WPH) เปิดเผยว่า แผนธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้ โดยคาดว่าโครงการลงทุนก่อสร้างโรงพยาบาลวัฒนแพทย์ อ่าวนาง จะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในไตรมาส 4 ปีนี้แน่นอน ซึ่งปัจจุบันได้ขึ้นโครงสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วและอยู่ระหว่างเตรียมสถานที่เพื่อเตรียมงานตกแต่งภายใน
ส่วนความคืบหน้าโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลวัฒนแพทย์ สมุย ปัจจุบันอยู่ระหว่างเขียนแบบเพื่อยื่นรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (Initial Environmental Examination : IEE) ซึ่งคาดว่าจะสามารถยื่นแบบ IEE ได้ในเร็ววันนี้ และคาดว่าจะสามารถดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2562 ตามแผนงานที่วางไว้ ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้และกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
ด้านนายเชน เหล่าสุนทร รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลฝ่ายการเงิน บริษัท โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง จำกัด (มหาชน) (WPH) กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปีนี้ คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เนื่องจากเทรนด์การดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่ายๆ อาทิเช่น การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ หรือการตรวจร่างกายประจำปีเพิ่มขึ้น เป็นต้น ประกอบกับจำนวนแนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปี 2561 ยังมีทิศทางขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะหมู่เกาะภาคใต้ ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวสวยงามติดอันดับโลก อีกทั้งบริษัทฯ มีพันธมิตรท้องถิ่นที่จะสามารถส่งมอบหรือเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทั้งทางบก และทางน้ำ อย่างมีประสิทธิภาพพร้อมรับทุกสถานการณ์อีกด้วย
ทั้งนี้ โรงพยาบาลฯมีเป้าหมายการดำเนินงานเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญด้านบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ คุณภาพการรักษา วิทยาการที่ทันสมัย บริการครบวงจรและได้มาตรฐาน ควบคู่ไปกับการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม จึงมุ่งเน้นพัฒนาคลินิกเฉพาะทางโรคไม่ติดต่อ และคลินิกเด็กซึ่งพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง โดยแพทย์เฉพาะทางเพื่องานวินิจฉัยโรค และให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที
นอกจากนี้ โรงพยาบาลฯ ได้ร่วมกับศูนย์นเรนทร 1669 จังหวัดตรัง เพื่อให้บริการ "หน่วยปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินระดับสูง" หรือ EMS โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลประชาชนจังหวัดตรังให้มีโอกาสเข้าถึงระบบการแพทย์ที่มีคุณภาพได้อย่างรวดเร็ว ด้วยทีมแพทย์และพยาบาลที่ผ่านการฝึกทักษะเฉพาะสำหรับการกู้ชีพชั้นสูง และการดูแลผู้ป่วย ณ จุดเกิดเหตุ เน้นคำนึงถึงความรวดเร็ว ความปลอดภัยสูงสุด ลดอัตราการเสียชีวิตและความพิการของผู้รับบริการ