นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารมุ่งเน้นนำดิจิทัล เทคโนโลยีมาใช้เพื่อเชื่อมโยงระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ ธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศให้สะดวกยิ่งขึ้น เพิ่มช่องทางการชำระเงินให้แก่ลูกค้า ตลอดจนตอบโจทย์ความต้องการและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับลูกค้าภายใต้ความท้าทายในยุคดิจิทัลซึ่งธนาคารกสิกรไทยทดลองเปิดให้บริการรับเงินโอนจากต่างประเทศผ่านฟินเทคมาตั้งแต่เดือน มี.ค. 2560 คาดว่าในสิ้นปีนี้จะมีลูกค้าใช้บริการมากกว่า 120,000 รายการ
ทั้งนี้ ในเดือนสิงหาคมนี้ ธนาคารได้ร่วมมือกับธนาคารดีบีเอส สิงคโปร์ เป็นการให้บริการรับโอนเงินจากประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีมูลค่าการโอนเงินรายย่อยจากสิงคโปร์มายังประเทศไทยแต่ละปีมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท ระบบจะตรวจสอบและเงินจะเข้าบัญชีกสิกรไทยโดยอัตโนมัติแบบเรียลไทม์ จากปกติที่การโอนเงินระหว่างประเทศจะใช้เวลามากกว่า 1 วัน (ขึ้นกับระบบและประเทศ) หรือเลือกโอนเข้าบัญชีธนาคารในไทยได้ 21 ธนาคาร และเป็นครั้งแรกของธนาคารไทยที่ผู้โอนสามารถตรวจสอบชื่อบัญชีและสถานะของบัญชีผู้รับเงินปลายทางได้ก่อนโอน ผู้โอนจะทราบค่าโอนชัดเจน สามารถตรวจสอบสถานะการทำรายการ และผู้รับโอนจะได้รับเงินเต็มจำนวน โดยสามารถโอนเงินได้สูงสุดถึง 1.5 ล้านบาท/ครั้ง/วัน คาดว่าจะมีธุรกรรมประมาณ 3,000 รายการต่อเดือน และเร็วๆ นี้ เตรียมเปิดบริการรับโอนเงินครอบคลุมกลุ่มประเทศในเออีซี
ปัจจุบัน มีการโอนเงินรายย่อยเข้ามาในประเทศไทยโดยรวมประมาณ 3.8 ล้านรายการต่อปี คิดเป็นมูลค่าราว 1.5 ล้านล้านบาท เป็นการโอนผ่านธนาคารกสิกรไทย 620,000 รายการ มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 16% คิดเป็นมูลค่าการโอนประมาณ 250,000 ล้านบาทต่อปี และสัดส่วนการโอนเงินมาไทยที่โอนนอกระบบธนาคาร (มิใช่การโอนผิดกฎหมาย) ประมาณ 200,000 รายการ มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท โดยธนาคารตั้งเป้าหมายมูลค่าธุรกรรมการโอนเงินระหว่างประเทศทั้งเข้าและออกผ่านธนาคาร 500,000 ล้านบาทต่อปี และเพิ่มมากกว่า 3 เท่าภายในปี 2563
นายพัชร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในเดือนตุลาคมนี้ ธนาคารเตรียมเปิดฟีเจอร์ใหม่ให้บริการโอนเงินข้ามประเทศผ่านแอปพลิเคชัน K PLUS (Outward Mobile Remittance) เป็นครั้งแรกที่ลูกค้าธนาคารในประเทศไทย สามารถทำรายการโอนเงินไปต่างประเทศด้วยตัวเองไปยังผู้รับเงินปลายทางกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ใน สหรัฐอเมริกา อังกฤษ สิงคโปร์ ฮ่องกง อินเดีย ออสเตรเลีย และกลุ่มสหภาพยุโรป โดยผู้โอนสามารถรับเงินได้เต็มจำนวน กำหนดวันรับเงิน และรู้ค่าธรรมเนียมการโอนที่แน่นอนได้ทันทีเช่นเดียวกัน เป็นการเปิดมิติใหม่ของการโอนเงินรายย่อยไปต่างประเทศซึ่งมีประมาณ 8 ล้านรายการต่อปี คิดเป็นมูลค่าการโอนมากกว่า 650,000 ล้านบาท