นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาบริษัทเล็งเห็นถึงปัญหาหลักอย่างหนึ่งของการพัฒนาเมือง คือผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ในฐานะที่บริษัทเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาเมือง จึงต้องการที่จะตอบแทนสังคม ตลอดจนผู้บริโภค ด้วยการพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภค ขณะเดียวกันก็รักษาพื้นที่สีเขียวไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
"วันนี้เราเติบโตขึ้นมาจนกลายเป็นบริษัทชั้นนำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บริษัทหนึ่งของตลาด และเรามีความสามารถเพียงพอที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลรับผิดชอบสังคมอย่างดีที่สุด ในโอกาสการเพิ่มเซ็กเมนต์โครงการของออริจิ้น เข้าสู่ตลาดระดับลักชัวรี่อย่างเต็มรูปแบบ เราได้พัฒนาแบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น ให้เป็นแบรนด์คอนโดหรูใจกลางเมือง ที่คำนึงถึงการสร้างความสมดุลระหว่างธรรมชาติกับองค์ประกอบอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต ภายใต้แนวคิด A Perfect Living Platform" นายพีระพงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ ออริจิ้น มีความมุ่งมั่นในการก้าวข้ามการพัฒนาที่อยู่อาศัยแบบเดิมๆ แนวคิด A Perfect Living Platform ของแบรนด์พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin) จึงเป็นการสร้างรูปแบบการอยู่อาศัย ที่เข้าใจและตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมืองอย่างสมบูรณ์แบบ ผ่านการผสาน 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ 1.เทคโนโลยี โดยการนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาพัฒนาเพื่อยกระดับการใช้ชีวิต และเชื่อมต่อกับระบบการสื่อสารไร้สายบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เรียกว่า Internet of Things หรือ IOT 2.ชุมชน ที่ตอบโจทย์ทุกมิติในการใช้ชีวิตบนพื้นที่ที่เป็น "มากกว่าที่อยู่อาศัย" โดยมอบสิทธิประโยชน์และบริการอย่างครบวงจร เพื่อรองรับรูปแบบการใช้ชีวิตบนทำเลใจกลางเมือง และ 3. ธรรมชาติ โดยการออกแบบที่ผสานสถาปัตยกรรมที่ทันสมัย กับธรรมชาติอย่างลงตัว สร้างแหล่งออกซิเจนแห่งใหม่สำหรับคนเมือง เช่น อาคารรูปแบบใหม่ แนวคิด "Vertical Garden" ที่แตกต่างด้วยการสร้างสรรค์พื้นที่สีเขียวในการเล่นระดับแป็นขั้นบันไดถึง 1,500 ขั้น ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญในการใช้ชีวิตกับธรรมชาติมากขึ้น
นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า เพื่อยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการสร้างที่อยู่อาศัยให้เกิดคุณค่าสูงสุด บริษัทจึงร่วมกับนายธนญชัย ศรศรีวิชัย หรือ ต่อ ผู้กำกับโฆษณาระดับท็อปของวงการ จากบริษัท ฟีโนมีนา จำกัด สร้างสรรค์ภาพยนตร์โฆษณาสะท้อนภาพของแบรนด์พาร์ค ออริจิ้น ในการพัฒนาคอนโดมิเนียมให้เป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย สร้างสมดุลการใช้ชีวิตของคนเมืองอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการรักษาธรรมชาติ เพื่อเติมเต็มชีวิตให้สมบูรณ์แบบกับทำเลใจกลางเมือง และสามารถตอบสนองทุกความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมีคุณภาพ
ขณะเดียวกัน บริษัทจะร่วมมือกับพันธมิตรในการสร้างพื้นที่สีเขียวให้กับกรุงเทพฯและท้องถิ่นต่างๆ ด้วยการปลูกต้นไม้เพิ่มอย่างน้อย 1 ต้นต่อที่อยู่อาศัย 1 ยูนิตที่เปิดขายใหม่ หรือคิดเป็นปีละราว 10,000 ต้น เพื่อช่วยเพิ่มออกซิเจน ทดแทนธรรมชาติที่ลดลงจากการพัฒนาเมือง กระตุ้นภาคธุรกิจในการสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับสังคม
เบื้องต้น จะมอบต้นทองอุไรให้แก่กรุงเทพมหานคร (กทม.) จำนวน 2,200 ต้น ตามจำนวนยูนิตเปิดใหม่ของโครงการคอนโดมิเนียมหรูแบรนด์พาร์ค ออริจิ้น 3 ทำเล รวม 2,200 ยูนิต เพื่อให้ กทม.นำไปปลูกในพื้นที่ 50 เขตทั่วกรุงเทพฯ
โครงการภายใต้แบรนด์พาร์ค ออริจิ้น จะพัฒนาขึ้นใน 3 ทำเลใจกลางเมือง ได้แก่ 1.พาร์ค ออริจิ้น พญาไท 2.พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ และ 3.พาร์ค ออริจิ้น พร้อมพงศ์ โดยทั้ง 3โครงการ จะเปิดให้ Register ได้ภายในงาน My Life My Origin งานอีเวนท์ใหญ่ประจำปีของออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ในวันที่ 8-9 ก.ย. นี้ ณ ศูนย์การค้าสยาม พารากอน
ด้านนายจุลพร นันทพานิช สถาปนิกและอาจารย์พิเศษคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า หัวใจสำคัญของสถาปัตยกรรมที่สอดคล้องกับธรรมชาติ คือ ความรู้ที่ครอบคลุม ต้องรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เช่น การสร้างระบบนิเวศที่เหมาะสมให้ที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะในเมืองหรือชนบทก็สามารถสร้างระบบนิเวศธรรมชาติที่ช่วยให้การอยู่อาศัยสบายขึ้นได้ ภูมิปัญญาสถาปัตยกรรมเอเชียจะเน้นให้บ้านเป็นสถานที่ที่เย็นตา อยู่แล้วเย็นกายและเย็นใจ นำหลักคิดเหล่านี้มาใช้ในงานร่วมสมัย
สำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Project Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมมาแล้วประมาณ 52 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 65,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร