นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชียกรีน เอนเนอจี จำกัด(มหาชน) หรือ AGE ผู้จัดจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) เปิดเผยถึงผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2561 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2561 ว่า บริษัทมีรายได้ 2,048 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 50.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งบริษัท มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,362.45 ล้านบาท โดยมีรายได้จากธุรกิจขายถ่านหินอยู่ที่ 1,959 ล้านบาท และ รายได้จากธุรกิจให้บริการที่ 88.14 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิ อยู่ที่ 46.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.25 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 33.38 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานในงวดครึ่งปีแรก 2561 ของบริษัทมีรายได้รวม 3,639.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.94 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งบริษัทมีรายได้รวม อยู่ที่ 2,619.78 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิ อยู่ที่78.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ77.63 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 44.26 ล้านบาท จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
ทั้งนี้ สาเหตุที่บริษัทมีผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น การขยายตลาดการขาย อย่างต่อเนื่องส่งผลให้ปริมาณการขายถ่านหินที่ดีขึ้นทั้งตลาดในประเทศ และตลาดต่างประเทศ โดยปริมาณการขายในช่วงครึ่งปีนี้อยู่ที่ 1.69 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 60.45 จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีปริมาณการขายอยู่ที่ 1.05 ล้านตัน ซึ่งเป็นผลมาจากขยายฐานลูกค้าในประเทศ และในต่างประเทศ อาทิเช่นประเทศเวียดนาม รวมถึงรายได้จากธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ที่เพิ่มขึ้น
"ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2561 ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ จากกลยุทธ์การขยายตลาดที่หลากหลาย โดยเฉพาะ ในตลาดในประเทศ และต่างประเทศที่มีการทำตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยเฉพาะเวียดนามเพิ่มขึ้น ตามความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น และราคาถ่านหินที่สอดคล้องกับดีมานด์ และซัพพลายในตลาดโลก" นายพนม กล่าว
ประธานกรรมการบริหาร บมจ.อเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE) กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลังว่า แนวโน้มธุรกิจมีทิศทางอัตราการเติบโตที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะในไตรมาส 4 ของทุกปีจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของอุตสาหกรรมถ่านหิน ปัจจุบันมีออเดอร์รอส่งมอบแล้ว 8 แสนตัน จึงมั่นใจว่าเป้าการเติบโตของรายได้รวมในปีนี้จะทำได้ตามแผนที่20-25% และตั้งเป้ายอดขายถ่านหินทั้งปีที่ระดับ 3 ล้านตัน โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 20% และในประเทศจะอยู่ที่ 80% เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่สัดส่วนรายได้ต่างประเทศจะอยู่ที่ 17% และในประเทศอยู่ที่ 83% จากการขยายตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ อาทิ เวียดนาม จีน เพิ่มขึ้น
ส่วนธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ขนส่งทางน้ำและทางบก รวมทั้งการให้บริการท่าเรือ และคลังสินค้านั้น บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ที่ 5% ของรายได้รวม โดยภายในครึ่งปีแรกมีการรับมอบเรือลำเลียงครบ 4 ลำ ส่งผลให้ปัจุบันมีเรือลำเลียง จำนวน 12 ลำ และมีแผนสั่งต่อเรือลำเลียงเพิ่มอีก 12 ลำ โดยหลังจากมีการส่งมอบเรือทั้งหมด จำนวนกองเรือลำเลียง ของบริษัทฯเพิ่มเป็น 24 ลำ ในช่วงต้นปี 2562 และสามารถรองรับความต้องการใช้บริการขนส่งทางน้ำ ของบรรดากลุ่มผู้ประกอบการในหลายอุตสาหกรรม ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้บริษัทได้ปรับปรุงพื้นที่จากที่ดินที่ซื้อเพิ่มเติมในช่วงปี 2560 เพื่อขยายพื้นที่คลังสินค้าเพื่อเพิ่ม พื้นที่กองเก็บถ่านหิน และพื้นที่ให้บริการคลังสินค้า ซึ่งคาดว่าเฟสแรกจะเสร็จในช่วงไตรมาส 3 ปี 2561