นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2561 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ จำนวน 43.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 176.54 จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 15.60 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขาย 263.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.95 จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 227.23 ล้านบาท กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 98.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.44 จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 73.40 ล้านบาท
สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2561 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 89.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 196.84 จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 30.04 ล้านบาท มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 16.77 เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ร้อยละ 6.23 มีรายได้จากการขาย 531.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.27 จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 482.10 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายสินค้ากลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้มต่างๆ ซึ่งเป็นสินค้ากลุ่มหลัก ในงวดครึ่งปีแรกมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 79.4 ของรายได้จากการขายทั้งหมด และมีปริมาณการขายสินค้ารวมเติบโตขึ้นอยู่ที่ 7,191 ตัน
ต้นทุนขายอยู่ที่ 337.18 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 0.61 จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 339.26 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการลดลงของราคาวัตถุดิบ และการกลับรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้า ส่งผลให้มีกำไรขั้นต้น 194.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.13 จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 142.84 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 36.58 เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 29.63 สาเหตุหลักมาจากการลดลงของราคาวัตถุดิบหลัก ทั้งน้ำตาลทรายและกระเทียม นอกจากนี้ ในงวดครึ่งปีแรกของปี 2560 มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการย้ายฐานการผลิตไปโรงงานใหม่ ที่นิคมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานที่ซ้ำซ้อนกันระหว่างโรงงานที่แหลมฉบังและที่อมตะซิตี้ ประกอบกับโรงงานแห่งใหม่อยู่ในช่วงเริ่มต้น ทำให้การผลิตยังไม่มีประสิทธิภาพเต็มที่
ทั้งนี้ ปัจจุบันโรงงานแห่งใหม่ บริษัทสามารถใช้อัตรากำลังการผลิตที่ระดับร้อยละ 51 เรียบร้อยแล้ว ขณะที่ โรงงานแห่งเก่า ยังใช้ผลิตสินค้ากลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้มที่มีออเดอร์ขนาดเล็ก และผลิตกลุ่มสินค้าอื่นๆ อาทิ กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงแกง กลุ่มเครื่องดื่ม และกลุ่มอาหารสำเร็จรูป
"จากความสำเร็จของโรงงานแห่งใหม่ ที่นิคมอมตะซิตี้ สนับสนุนผลงานในปีนี้ให้โดดเด่นตั้งแต่ไตรมาสแรก ขณะที่ ในไตรมาส 2/2561 ยังเดินหน้าตามแผน สนับสนุนรายได้จากการขายในงวดครึ่งปีแรกให้เติบโตขึ้น และมียอดขายเป็นสกุลเงินบาท 60% สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ 30% สกุลเงินยูโร 10% ขณะที่การเพิ่มขึ้นของยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้น รวมทั้งได้ผลบวกจากต้นทุนการขายและค่าใช้จ่ายในการบริหารที่ลดลง สนับสนุนให้กำไรสุทธิเติบโตอย่างน่าประทับใจ มาอยู่ที่ 89 ล้านบาท ทุบสถิติกำไรสุทธิในปีก่อนที่ 59 ล้านบาท และสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในปี 2557 อยู่ที่ 86 ล้านบาท" นายจิตติพร กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในงวดครึ่งปีหลัง มั่นใจจะเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรกได้ จากแผนการบริหารจัดการภายในที่ดี ได้รับผลบวกจากต้นทุนวัตถุดิบหลัก ทั้งน้ำตาลและกระเทียมที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้ง การทยอยปรับราคาขายสินค้าขึ้นในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปีนี้ สำหรับยอดขายที่เป็นสกุลเงินบาท และดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีสัดส่วนรวมกันมากกว่า 90% ของยอดขายทั้งหมด โดยเฉลี่ยปรับราคาขายขึ้นในกรอบประมาณร้อยละ 1.5 – 6.5 ในแต่ละสินค้าไม่เท่ากัน สนับสนุนผลประกอบการซึ่งจะสามารถทำนิวไฮรายไตรมาสได้อีก จึงปรับเป้าหมายรายได้ทั้งปี 2561 ที่วางไว้จะเติบโตร้อยละ 5 -10 เป็นเติบโตร้อยละ 10 – 15 เทียบกับปี 2560 รายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 947 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ ทั้งรายได้และกำไร
เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ให้การสนับสนุน และตอกย้ำความเชื่อมั่นแผนการเติบโต ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.12 บาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท จ่ายจากกำไรสุทธิส่วนที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในงวดครึ่งแรกของปีนี้ กำหนดวันที่จ่ายปันผล 7 กันยายน 2561