นายสาโรจน์ สุวัตถิกุล รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังการเปิดกิจกรรม "ค้าส่งร่วมใจ โชวห่วยไทยคู่สังคม" ว่า ธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีความสำคัญต่อครัวเรือน เนื่องจากเป็นธุรกิจที่จำหน่ายสินค้าที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวันให้แก่ผู้บริโภคขั้นสุดท้าย ซึ่งมีหลากหลายประเภทไม่ว่าจะเป็นร้านค้าปลีกขนาดเล็ก หรือร้านโชวห่วยที่เน้นขายสินค้าในชีวิตประจำวัน ไปถึงร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ หรือห้างสรรพสินค้าที่ขายสินค้าครบทุกประเภทและจัดแบ่งหมวดหมู่ของสินค้าอย่างชัดเจน จึงทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจภาคการค้า โดยเฉพาะกลุ่มท้องถิ่นกำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญกับการประกอบธุรกิจ
เพื่อให้ธุรกิจค้าส่ง-ปลีกไทย มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่ต้องการสร้างผู้ประกอบการในทุกระดับ ให้มีศักยภาพในการสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นส่วนหนึ่งในกลไกสำคัญของการขับเคลื่อนนโยบาย Thailand 4.0 กระทรวงได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จัดกิจกรรมการส่งเสริมการตลาดร่วมกับสมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย ผู้บริหารธุรกิจค้าส่งค้าปลีกท้องถิ่นที่อยู่ในการส่งเสริมของกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากว่า 100 แห่ง และสาขารวม 1,100 ร้านค้าทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างการรับรู้ด้านการส่งเสริมการตลาด (Promotion) ของธุรกิจร้านค้าส่งค้าปลีกของไทย ให้เป็นที่รับรู้แก่ประชาชนในวงกว้าง สนับสนุนการลดภาระค่าครองชีพของผู้บริโภคสำหรับผู้มีรายได้น้อย รวมถึงการสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์อันดีระหว่างธุรกิจค้าส่งค้าปลีกของไทย และตัวแทนผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค
สำหรับการจัดงาน "ค้าส่งรวมใจ โชวห่วยไทยคู่สังคม" เกิดจากความร่วมมือในลักษณะประชารัฐ ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ คือ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และภาคธุรกิจ ได้แก่ สมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย ผู้ผลิต ผู้แทนจำหน่าย และร้านค้าส่ง-ปลีกทั่วประเทศ ลดราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค เพื่อให้ร้านค้าโชวห่วยกว่า 1,100 ร้านค้าทั่วประเทศนำสินค้าราคาประหยัดไปจำหน่ายต่อให้กับผู้บริโภค เพื่อช่วยบรรเทาค่าครองชีพแก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยมีโอกาสได้ซื้อสินค้าคุณภาพดีในราคาประหยัดในร้านค้าส่ง-ค้าปลีกแบบดั้งเดิมในท้องถิ่นมากยิ่งขึ้น เพิ่มสภาพคล่องทางเศรษฐกิจให้เกิดการหมุนเวียน และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเกิดการเกื้อกูลกันอย่างเป็นระบบ สร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจระดับชุมชนระยะยาว ซึ่งสอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจฐานรากของประเทศอย่างยั่งยืน
นายสาโรจน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า "กระทรวงพาณิชย์ได้ให้การส่งเสริมและพัฒนาร้านค้าส่งค้าปลีกมาอย่างต่อเนื่อง โดยจัดทีมผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ ณ สถานประกอบการ เพื่อยกระดับธุรกิจค้าส่งค้าปลีกในภูมิภาคให้มีการบริหารจัดการด้านการวางแผนเชิงกลยุทธ์ ด้านการตลาด การปรับภาพลักษณ์ร้านค้า ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มยอดขาย และทำให้ธุรกิจมีศักยภาพ สามารถแข่งขันได้ ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความเข้มแข็งที่แท้จริงให้เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจระดับชุมชน และก่อให้เกิดการหมุนเวียนของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ตลอดจนเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจค้าส่งค้าปลีกไทยในท้องถิ่นต่อไป"