นายเชน เหล่าสุนทร รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลฝ่ายการเงิน บริษัท โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง จำกัด (มหาชน) (WPH) เปิดเผยถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปี 2561 คาดว่าจะสามารถเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เนื่องจากเทรนด์การดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่ายๆ อาทิเช่น การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ หรือการตรวจร่างกายประจำปีเพิ่มขึ้น เป็นต้น ประกอบกับจำนวนแนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปี 2561 ยังมีทิศทางขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะหมู่เกาะภาคใต้ ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวสวยงามติดอันดับโลก อีกทั้งบริษัทฯ มีพันธมิตรท้องถิ่นที่จะสามารถส่งมอบหรือเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทั้งทางบก และทางน้ำ อย่างมีประสิทธิภาพพร้อมรับทุกสถานการณ์อีกด้วย
"โรงพยาบาลฯมีเป้าหมายการดำเนินงานเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญด้านบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ คุณภาพการรักษา วิทยาการที่ทันสมัย บริการครบวงจรและได้มาตรฐาน ควบคู่ไปกับการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม จึงมุ่งเน้นพัฒนาคลินิกเฉพาะทางโรคไม่ติดต่อ และคลินิกเด็กซึ่งพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง โดยแพทย์เฉพาะทางเพื่องานวินิจฉัยโรค และให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที" นายเชน กล่าว
นอกจากนี้ ผลประกอบการสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2561 ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากกิจการโรงพยาบาล จำนวน 308.96 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 272.58 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 30.88 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 78.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 17.28 ล้านบาท โดยเป็นไปตามงานที่บริษัทวางไว้ และบริษัทมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นจากโรงพยาบาลมีผู้มาใช้บริการเพิ่มขึ้นมากขึ้นทั้งจากกลุ่มโรคไม่ติดต่อและโรคติดต่อ ประกอบกับแผนโปรโมชั่นการดูแลสุขภาพของโรงพยาบาลเป็นไปด้วยดี ส่งผลทำให้กำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขาย ต้นทุนทางการเงิน ปรับลดลงอีกด้วย
ขณะที่นายแพทย์สมชาย จันทร์สว่าง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง จำกัด (มหาชน) (WPH) เปิดเผยถึง แผนการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังของปี 2561 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้ โดยคาดว่าโครงการลงทุนก่อสร้างโรงพยาบาลวัฒนแพทย์ อ่าวนาง จะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในไตรมาส 4/2561 ส่วนความคืบหน้าโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลวัฒนแพทย์ สมุย ปัจจุบันอยู่ระหว่างเขียนแบบเพื่อยื่นรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (Initial Environmental Examination : IEE) ซึ่งคาดว่าจะสามารถยื่นแบบ IEE ได้ในเร็ววันนี้ และคาดว่าจะสามารถดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2562 เพื่อขยายฐานรายได้และสนับสนุนผลการดำเนินงานของกิจการให้เติบโตอย่างยั่งยืน และสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อผู้ถือหุ้นต่อไป