นางสาวพรพิวรรณ นิรมลเฉิดฉาย ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการเงินและบัญชี บริษัท แอ็พพลาย ดีบี จำกัด (มหาชน) หรือ ADB ผู้นำการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กาวและยาแนว และผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ อาทิ ADB DB SPARKO และรับจ้างผลิต เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.2561) บริษัทเพิ่มขีดความสามารถการทำกำไรที่ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 16.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,225 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.24 ล้านบาท แม้ว่าบริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 718.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 693.33 ล้านบาทก็ตาม
ปัจจัยที่กำไรสุทธิเติบโตได้ดีกว่ารายได้นั้น เนื่องจากบริษัทฯ มีการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตสินค้าและควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลังจากมุ่งเน้นการเพิ่มขีดความสามารถในการควบคุมต้นทุน ส่งผลให้ภาพรวมอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/61 สามารถทำกำไรอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเช่นเดียวกัน โดยมีกำไรสุทธิ 7.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 414.34 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.53 ล้านบาท และมีรายได้รวม 364.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.20 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 330.33 ล้านบาท ปัจจัยมาจากบริษัทฯให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุนการผลิตและผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง หลังจากเงินบาทอ่อนค่าลงและมีผลกับต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น
นายหวัง วนาไพรสณฑ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ADB กล่าวว่า แนวโน้มการดำเนินธุรกิจช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ประเมินว่าจะมีความต้องการผลิตภัณฑ์กาวและยาแนวและผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์อย่างต่อเนื่อง แต่การทำตลาดจะมีความท้าทายมากขึ้นจากปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุม อาทิ นโยบายกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกาและจีนที่อาจส่งผลต่อความต้องการใช้สินค้าในตลาดต่างประเทศ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่มีผลต่อต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบ
อย่างไรก็ตามบริษัทฯ วางแผนรุกขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยจะพัฒนาสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด มุ่งเน้นการลดต้นทุนการผลิตสินค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อลดผลกระทบจากราคาวัตถุดิบที่ผันผวน โดยบริษัทฯ ได้เจรจากับคู่ค้าเพื่อขอยืนราคาวัตถุดิบและมองหาวัตถุดิบทดแทนที่มีคุณภาพดีแต่ต้นทุนลดลง เพื่อนำมาปรับใช้ในการผลิตสินค้า พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายสร้างยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นในช่วงครึ่งปีหลังให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี