บิ๊กบอส "ณัฐภพ รัตนสุวรรณทวี" มั่นใจผลงานปี 61 โตแกร่ง พร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนคลังสินค้ามาบตาพุดตามแผน คาดชงบอร์ดภายในสิ้นปีนี้ ก่อนเดินหน้าก่อสร้างภายในปี 62 หนุนผลงานในช่วง 5 ปี ข้างหน้าโตก้าวกระโดด
นายณัฐภพ รัตนสุวรรณทวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นเอฟซี (NFC) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/61 บริษัทมีรายได้รวม 298.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.91% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 235.42 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 17.33 ล้านบาท ส่วนในงวด 6 เดือนแรกของปี 2561 มีรายได้รวม 598.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.89% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 521.27 ล้านบาท หรือ และมีกำไรสุทธิ 43.53 ล้านบาท
ทั้งนี้ รายได้ในช่วงไตรมาส 2 และในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากรายได้จาการขายเคมีภัณฑ์ ที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการของลูกค้า โดยในไตรมาส 2 /61 รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์เคมี อยู่ที่ 275.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.54% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนทำได้ 206.33 ล้านบาท และในงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์อยู่ที่ 551.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.73% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนทำได้ 453.63 ล้านบาท
ส่วนรายได้จากการบริการในไตรมาส 2/61 อยู่ที่ 23.24 ล้านบาท และในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 47.59 ล้านบาท
"แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังมั่นใจว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยบริษัทฯมีแผนจะปรับปรุงคลังสินค้าในปัจจุบันให้มีมาตรฐาน พร้อม สิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและขยายฐานลูกค้าในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ทั้งนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในต้นปี 2562 โดยใช้แหล่งเงินทุนจากเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ"
ในส่วนของการขออนุญาตใช้พื้นที่เพื่อพัฒนาคลังสินค้าเหลว เพิ่มเติมจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ขณะนี้บริษัทฯอยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการและความคุ้มค่าของการลงทุน ก่อนนำเสนอคณะกรรมการบริษัทพิจารณาอนุมัติ โครงการดังกล่าวในช่วงปลายปีนี้ และพร้อมเดินหน้าได้ทันทีในปี 2562 เนื่องจากบริษัทฯยังมีกระแสเงินสดในมือราว 400 ล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ในระดับต่ำเพียง 0.16 เท่า ทำให้มีความสามารถในการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน เพื่อรองรับแผนขยายธุรกิจในอนาคต
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นเอฟซี (NFC) จำกัด (มหาชน) กล่าวอีกว่า มั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วง 5 ปี ข้างหน้า มั่นใจว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด หลังจากบริษัทฯได้มีการปรับโมเดลธุรกิจใหม่ โดยมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านธุรกิจการให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรของไทย ภายใต้จุดแข็งในเรื่องของทำเลที่ตั้งที่มีศักยภาพ เนื่องจากมีที่ดินบริเวณนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด รอการพัฒนามากกว่า 300ไร่ เพื่อรองรับความต้อง การของลูกค้าที่เตรียมย้ายฐานการผลิตมายังมาบตาพุด สอดรับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งได้เตรียมแผนงานรอง รับไว้แล้ว เพราะทำเลที่ตั้งคลัง สินค้าของ NFC มีความได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดถือเป็นฐานของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ที่สำคัญ เชื่อมต่อระบบโลจิสติกส์ครบวงจรทั้งระบบขนส่งทางถนน รถไฟและทางท่อ