นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี มินิมั่ม โวลาติลิตี้ หุ้นทุน (M-MINVOL) มีนโยบายการลงทุนในตราสารทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยจะลงทุนในหุ้นทุนของกิจการที่มีปัจจัยพื้นฐานดีที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งกองทุนมีเป้าหมายให้ความผันผวนที่คาด (expected volatility) ของพอร์ตการลงทุนอยู่ในระดับต่ำ จึงคัดสรรหุ้นที่จะลงทุนจากการพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น หลักทรัพย์ที่มีความเคลื่อนไหวของราคาเมื่อเทียบกับ SET Index ต่ำ (ค่า Beta) หลักทรัพย์ที่มีค่าความผันผวนต่ำ (ค่า standard deviation) สภาพคล่องของหลักทรัพย์แต่ละตัว และการกระจายการลงทุน เป็นต้น โดยมีการปรับสัดส่วนการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ความเสี่ยงของกองทุนโดยรวมจึงมีความเสี่ยงต่ำกว่าตลาดเนื่องจากมีความผันผวนต่ำกว่า และหุ้นที่มีความผันผวนต่ำมักเป็นบริษัทที่ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง โดยไม่พึ่งพิงกับสภาพเศรษฐกิจ ทำให้ความเสี่ยงตามวัฏจักรธุรกิจต่ำ แต่มีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลสูง นอกจากนี้หากอยู่ในช่วงตลาดขาลงจะช่วยลดความผันผวนของพอร์ตและเหมาะกับตลาดที่อ่อนไหวมีความผันผวนสูง
สำหรับส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารทุนอื่นๆ ตราสารแห่งหนี้ เงินฝากธนาคาร หลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นที่คณะกรรมการก.ล.ต. กำหนด หรือสำนักงานประกาศกำหนด รวมทั้งอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (derivatives) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนจะจัดสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละขณะเพื่อผลตอบแทนการลงทุนที่ดี และกระจายความเสี่ยงในการลงทุน
จากข้อมูลของสายบริหารกองทุนของเอ็มเอฟซี มองว่ามีปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยคือ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยธนาคารโลกปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย และอัตราดอกเบี้ยนโยบายในประเทศอยู่ระดับต่ำ นอกจากนี้ภาครัฐยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนโครงสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของประเทศ และการเลือกตั้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2562 จะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้
ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามคือ มาตรการกีดกันการค้าของสหรัฐฯ เป็นความเสี่ยงต่อการค้าระหว่างประเทศและการเติบโตของเศรษฐกิจโลก การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ FED ที่เร็วและแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ รวมไปถึงราคาน้ำมันที่อ่อนตัวและมีความผันผวน อาจทำให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวและบริษัทจดทะเบียนมีโอกาสปรับลดประมาณการณ์ผลกำไรลง
สำหรับกองทุนเปิด M-MINVOL เหมาะสำหรับผู้ที่สามารถลงทุนในระยะปานกลางถึงระยะยาว โดยคาดหวังผลตอบแทนระยะยาวที่ดีกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ และสามารถรับความผันผวนของราคาหุ้นที่กองทุนไปลงทุน ซึ่งอาจปรับตัวสูงขึ้นหรือลดลงจนต่ำกว่ามูลค่าที่ลงทุนและทำให้ขาดทุนได้ ทั้งนี้ผู้ลงทุนต้องศึกษาข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน
หลังการเสนอขายครั้งแรก กองทุนเปิด M-MINVOL จะเปิดซื้อขายหน่วยลงทุนทุกวันทำการ และบริการซื้อหน่วยลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2561 เป็นต้นไป สำหรับผู้สนใจสามารถลงทุนขั้นต่ำครั้งแรกได้ตั้งแต่ 10,000 บาท โดยติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการลงทุน ความเสี่ยง ผลการดำเนินงานของกองทุนหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) โทรศัพท์ 0-2649-2000 ติดต่อฝ่ายวางแผนการลงทุน กด 2 หรือ Contact Center กด 0 หรือสาขาแจ้งวัฒนะ โทร.0-2835-3055-57 สาขาปิ่นเกล้า โทร. 0-2014-3150-2 สาขาขอนแก่น โทร.043-204-014 สาขาเชียงใหม่ โทร. 053-218-480-82 สาขาภูเก็ต โทร.076-307-070 สาขาระยอง โทร. 033-100-340-2 สาขาพิษณุโลก โทร. 055-008-980-2 สาขาอุบลราชธานี โทร.045-422-890-2 สาขาหาดใหญ่ โทร. 074-232-324 - 25 หรือที่ www.mfcfund.com หรือผู้สนับสนุนการขายหน่วยลงทุน