ขณะเดียวกัน ยังมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ไม่มีความยุติธรรมในการปรับเปลี่ยนรายชื่อนักกีฬาโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า ประกอบกับก่อนหน้านี้ทางสมาคมฯ ได้พิจารณาและประกาศรายชื่อให้รับหน้าที่ลงแข่งขันประเภทเซเบอร์บุคคลชายอย่างเป็นทางการแล้ว นอกจากนี้ ยังได้เก็บตัวทำการฝึกซ้อมและเตรียมตัวสำหรับลงแข่งขัน
"หลังผ่านการคัดตัวแล้ว ได้ฝึกซ้อมอย่างหนักตามกระบวนการของสมาคมฟันดาบมาตลอดระยะเวลา 6 เดือนก่อนการแข่งขัน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาศักยภาพตัวเองให้ดียิ่งขึ้น แต่ท้ายสุดกลับมาถูกผู้จัดการทีมเปลี่ยนชื่อไม่ให้ลงแข่งก่อนการแข่งขันจริงเพียงในเวลาไม่ถึง 12 ชั่วโมง ทั้งๆ ที่มีความพร้อมในทุกๆ ด้าน จึงทำให้รู้สึกช็อคและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาไม่เคยเจอเหตุการณ์ในลักษณะนี้เลย" เจ้าโอ๊ต กล่าว
เจ้าโอ๊ต กล่าวต่อว่า รักในกีฬาฟันดาบเป็นชีวิตจิตใจ ทุ่มเทฝึกซ้อมมาตั้งแต่เด็กจนสามารถติดทีมชาติชุดใหญ่ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา และได้รับการคัดเลือกให้ลงแข่งขันในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ 2 ครั้ง และกีฬาซีเกมส์ 3 ครั้ง ซึ่งตลอดช่วงชีวิตของการเป็นนักกีฬาทีมชาติไทย ไม่เคยทำผิดกฎระเบียบใดๆ ทั้งยังพร้อมสละเวลาส่วนตัวและเวลาเรียนเพื่อทำหน้าที่รับใช้ชาติโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะต้องเสียสละเวลาส่วนตัว และเวลาเรียนในหลายๆ ครั้ง แต่เจ้าโอ๊ตก็ไม่ได้ทิ้งการเรียน โดยมีผลการเรียนในระดับดีมาโดยตลอด ซึ่งการศึกษาล่าสุด คือ จบปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.08 ทั้งยังเคยได้รับรางวัลเรียนดีจากทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์อีกด้วย
อนึ่ง สำหรับการแข่งขันฟันดาบสากล เอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่จาการ์ตา คอนเวนชั่น เมืองจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา ประเภทเซเบอร์บุคคลชายที่เจ้าโอ๊ตไม่ได้ลงแข่งขันนั้น ปรากฏว่า รอบแรกกลุ่มเอ สรวิศ กิจศิริบุญ ที่ลงแข่งขันแทนเจ้าโอ๊ต ลงแข่งขัน 4 นัดเก็บชัยได้ 2 นัด ผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 16 คน ก่อนจะพ่าย หวัง ฉี จากจีน 7-15 ตกรอบไป ขณะที่วรกันต์ ศรีนวลนัด ลงในกลุ่มบี 4 นัด ชนะ 1 เข้าไปเล่นในรอบแก้ตัวแต่ในที่สุดพ่ายให้แก่ คาริม นูร์ซาน 13-15 ตกรอบไปเช่นกัน