กยท. เปิดโต๊ะเจรจาร่วมสถาบันเกษตรกรฯ เปิดล็อตแรกขายยางแผ่นรมควัน 3,000 ตัน

พุธ ๒๒ สิงหาคม ๒๐๑๘ ๑๐:๒๐
เมื่อเร็วๆนี้ กยท. จัดประชุมการพัฒนาการค้า การลงทุน สำหรับผู้ผลิตและแปรรูปยางแผ่นรมควัน มีผู้แทนจากสถาบันเกษตรกรฯ ภาคใต้ จำนวน 27 สถาบัน เข้าร่วม กยท.พร้อมรับฟังความเห็นและทำความเข้าใจในเรื่องการตลาด ราคา และต้นทุนในการผลิต ณ ห้องประชุมการยางแห่งประเทศไทย จ. ตรัง

นายเยี่ยม ถาวโรฤทธิ์ รักษาการผู้ว่าการ กยท. กล่าวว่า การประชุมการพัฒนาการค้า การลงทุน สำหรับผู้ผลิตและแปรรูปยางแผ่นรมควัน ระหว่าง กยท. และสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางภาคใต้ จำนวน 27 สถาบัน เป็นการหารือถึงแนวทางการเตรียมความพร้อมเพื่อดำเนินการค้าร่วมกัน ในการรวบรวมยางของเกษตรกรชาวสวนยางที่อยู่ในกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มสถาบันเกษตรกรผู้ผลิตยางแผ่นรมควัน ทั้งยางแผ่นรมควัน มาตรฐาน GMP หรือยางแผ่นรมควันทั่วไป เพื่อขายให้ผู้ค้าต่างประเทศโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นโรงงานหรือผู้ซื้อในฐานะพ่อค้าคนกลาง ทั้งนี้ เพื่อระดมความคิดและทำความเข้าใจ ในเรื่องกำลังการผลิต การขนส่ง และต้นทุน ซึ่ง กยท. จะเป็นผู้แทนในการรวบรวมยาง เพื่อส่งให้ผู้ค้าจากต่างประเทศ และทำหน้าที่วิเคราะห์สถานการณ์ตลาด ราคายาง ให้สามารถซื้อขายยางในแต่ละช่วงเวลาของปีได้อย่างเหมาะสม ผลักดันให้ราคายางสูงขึ้นในราคาที่เกษตรกรชาวสวนยางคุ้มการลงทุน

นายเยี่ยม กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนการเปิดซื้อขายล็อตแรก จะเป็นยางแท่ง STR20 โดย กยท. มีโรงงาน 4,5 และ 6 ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รับซื้อยางก้อนถ้วยจากเกษตรกรในพื้นที่เพื่อนำมาผลิต ซึ่งขณะนี้ได้มีบริษัทจากประเทศจีนติดต่อขอซื้อมาจำนวน 2,000 ตัน และทางภาคใต้ซึ่งเกษตรกรมีการผลิตยางแผ่นรมควันเป็นส่วนใหญ่ ขณะนี้ก็มีบริษัทจากจีนติดต่อมาซึ่งให้ความสนใจสั่งซื้อยางแผ่นรมควัน ปริมาณ3,000 ตัน ในโอกาสนี้จึงได้มาทำความเข้าใจในเรื่องของยางแผ่นรมควัน ทั้งแบบธรรมดาและแบบที่ผ่านมาตรฐาน GMP ที่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจว่าหัวใจสำคัญของการทำยางแผ่นรมควัน GMP จะได้ประโยชน์อย่างไร เพราะที่ผ่านมาหลายคนคิดว่าการทำยางแผ่น มาตรฐาน GMP จะเพิ่มขั้นตอนการทำงาน ต้องลงทุนมากขึ้นในการปรับเปลี่ยนโรงงาน แต่หากเข้าใจในขั้นตอนอย่างแท้จริงจะทราบว่า การทำยางแผ่น GMP จะสามารถลดต้นทุนการผลิตในระยะยาว เพราะจะได้ยางแผ่นที่มีมาตรฐานเดียวกันและสามารถขายได้ในราคาที่เหมาะสมเท่ากันทุกแผ่นโดยไม่จำเป็นต้องมาคัดชั้นอีก

"กยท. มองว่าการขายยางที่มีคุณภาพให้กับผู้ใช้โดยตรงเป็นเรื่องที่ดี โดย กยท.ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการรักษาเสถียรภาพราคายาง ทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ จะเป็นผู้แทนในการรวบรวมและตรวจสอบมาตรฐานยางก่อนถึงมือผู้ซื้อ ซึ่งหากทำได้ต่อไปราคายางก็จะมีเสถียรภาพ และมีการแข่งขันในเรื่องของราคามากยิ่งขึ้น จะสามารถกำหนดราคาขายเองได้โดยไม่ต้องอิงตลาดภายนอก เช่น ตลาดเซี่ยงไฮ้ ตลาดโตคอม ตลาดไซคอม อีกต่อไป โดยในครั้งนี้ กยท.จะเสนอขายยางในราคา F.O.B ที่มีพื้นฐานจากต้นทุนการผลิตของชาวสวนยางที่แท้จริงบวกกำไรที่เหมาะสมเป็นธรรมต่อเกษตรกรชาวสวนยาง ซึ่งเป้าหมายการร่วมค้าระหว่าง กยท. และสถาบันเกษตรกรเพื่อให้สามารถขายได้ในราคาเป็นธรรมในระยะยาว โดยความร่วมมือของสมาชิกของสหกรณ์จะต้องมีความเข้มแข็ง เพราะการลงทุนทำธุรกิจย่อมมีความเสี่ยง แต่ถ้าหากการบริหารจัดการที่ดีจะสามารถประสบความสำเร็จได้" รักษาการผู้ว่าการ กยท. กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO