นายปิยวัชร ราชพลสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานบัญชีและการเงิน บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือ DDD เจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์สเนลไวท์ เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการบุกตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวประเทศฟิลิปปินส์ โดยในขณะนี้บริษัทฯได้เข้าร่วมทุนกับบริษัทในฟิลิปปินส์โดยใช้ชื่อบริษัท Do Day Dream KCA PhilippinesCorporationซึ่ง Do Day Dream Holding Pte. Ltd ประเทศสิงค์โปรเป็นผู้ถือหุ้น51% ของทั้งหมด
สำหรับการร่วมมือดังกล่าวเป็นการร่วมมือกับ"คริสอากีโน" เจ้าแม่แห่งวงการสื่อที่ฟิลิปปินส์ โดยในช่วงที่ "คริสอากีโน" ได้เดินทางมาประเทศไทยมีคนแนะนำให้ลองใช้ผลิตภัณฑ์SnailWhite และหลังจากได้ลองใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทแล้ว ทำให้รู้สึกชื่นชอบผลิตภัณฑ์ป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ SnailwhiteWhippSoapรวมทั้งยังได้มีการเผยแพร่คลิปการใช้ชีวิตส่วนตัวผ่านทางYoutube Channel ที่มีผู้ติดตามมากกว่า2แสน Subscribers และมีการพูดถึง SnailwhiteWhippSoap เพียงแค่ 3 วินาที ส่งผลให้สินค้าของบริษัทฯที่มีคนซื้อจากประเทศไทยไปจำหน่ายที่ประเทศฟิลิปปินส์ขาดตลาด เนื่องจากผู้ติดตามได้ซื้อมาใช้จำนวนมาก
อีกทั้งที่ผ่านมาสินค้าของบริษัทมีผู้นำเข้าไปจำหน่าย ซึ่งไม่ใช่ผู้จำหน่ายสินค้าของบริษัทฯอย่างเป็นทางการและบริษัทฯไม่เคยเข้าไปทำการตลาดในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งหลังจากได้ร่วมลงทุน บริษัทฯ คาดว่าจะบุกตลาดอย่างจริงจัง โดยเริ่มเข้าไปทำการตลาดเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภค ทั้งนี้ การที่บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับ
"คริสอากีโน" จะทำให้สามารถสร้างปรากฏการณ์ทางการตลาดได้อย่างแน่นอน และบริษัทยังคาดว่าจะสามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวได้ภายใน 5 ปี
โดยที่ผ่านมา คริสอากีโน เป็น พรีเซ็นเตอร์ให้กับผลิตภัณฑ์ระดับโลกมากมาย ซึ่งถือว่าเธอเป็นผู้มีอิทธิพลในวงการบันเทิงที่ฟิลิปปินส์เป็นอย่างมาก โดยปัจจุบัน คริสอากีโน มีผู้ติดตามในช่องทาง Social Media ไม่ว่าจะเป็น IG – 3.5 ล้าน Followers ,Facebook 1.2 ล้าน Followers และ Twitter 1.6 ล้าน Followers นอกจากนี้ คริสอากีโน ยังเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง เธอมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจอาหาร และธุรกิจผลิตสื่อเพื่อการโฆษณา
นอกจากนี้ประเทศฟิลิปปินส์มีประชากรประมาณ 100 ล้านคน ซึ่งมากกว่าไทยประมาณ 1.5 เท่าโดยนับเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับที่ 8 ในเอเชีย และอันดับที่ 12 ของโลกตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวในประเทศฟิลิปปินส์มีการเติบโต 5% ต่อปี และมีมูลค่าการตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมากกว่า 2.8หมื่นล้านบาท ซึ่งใหญ่กว่าประเทศในกลุ่ม CLMV ทั้งหมด