ดร.สุวิทย์ฯ กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลมีดำริให้รวมกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและกระทรวงการอุดมศึกษาเข้าด้วยกัน เป็นกระทรวงอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรม เพื่อมุ่งหวังให้การศึกษาระดับอุดมศึกษามีการปรับตัวอย่างก้าวกระโดด และหลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ตามนโยบาย Thailand 4.0 โดยหัวใจของกระทรวงใหม่ ประกอบด้วย 2 ภารกิจ 8 หลักการ 3 ปฏิรูป 2 ภารกิจ ได้แก่ 1)ปรับเปลี่ยนโครงสร้างประเทศไปสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม 2)เตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21
8 หลักการ ได้แก่ 1)Transformation, 2)Foundation of the Future, 3)Leading through strategic funding, 4)Empowering, 5)Autenomy with accountability, 6)Modern management agencies, 7)Flow and collaborative networks, 8)Policy and process lnnovations
3 ปฏิรูป ได้แก่ 1)Administrative reform, 2)Regulatory reform, 3)Budgeting reform
ส่วนกองทุนพัฒนาสำหรับกระทรวงใหม่ ประกอบด้วย 1)กองทุนพัฒนาการอุดมศึกษาและสถาบันวิจัย, 2)กองทุนวิจัยสำหรับ Frontier research, 3)กองทุนวิจัยสำหรับ Agenda-based research, 4)กองทุนสำหรับ Area-based research
ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัยฯ กล่าวว่า RUN มีเป้าหมายหลักในการวิจัยที่จะเอาโจทย์วิจัยที่มีความสำคัญต่อประเทศ ภูมิภาคและของโลกเป็นตัวตั้ง ด้วยความมุ่งหวังว่างานวิจัยดังกล่าวจะตอบสนอง และมีแนวทางแก้ไขกับสังคมในอนาคต และ RUN คาดหวังเป็นศูนย์กลางการสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาประเทศและภูมิอาเซียน ร่วมมือกันในการกพัฒนาศักยภาพนักวิจัย บัณฑิตศึกษา นักศึกษาและบุคลากรทางการวิจัย ในการร่วมดำเนินงานทางด้านการวิจัย การแลกเปลี่ยน และการใช้ทรัพยากร ตลอดจนปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย โดยการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่ "เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม" ส่งผลกระทบกับมหาวิทยาลัยหรือไม่ บทบาทของมหาวิทยาลัยจะเปลี่ยนไปอย่างไร หรือการเปลี่ยนแปลงจะเป็นโอกาสและความท้าทายสำหรับมหาวิทยาลัยอย่างไร จึงเป็นสิ่งสำคัญที่มหาวิทยาลัยต้องทำความเข้าใจในโครงสร้างและหลักการของการรวมกระทรวง เพื่อจะได้เกิดความกระจ่างและสามารถใช้โอกาสนี้ในการพัฒนามหาวิทยาลัยในการสร้างคน งานวิจัยและนวัตกรรมต่อไปในอนาคต