นายลักษณ์ วจนานวัช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการลงนามในพิธีสารว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบ การกักกัน และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์ เพื่อการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็ง และชิ้นส่วนสัตว์ปีกจากประเทศไทยไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ว่า จากการที่ประเทศจีนได้เสนอร่างพิธีสารว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบ การกักกัน และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์ เพื่อการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งและชิ้นส่วนสัตว์ปีกจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน โดยคณะเจ้าหน้าที่จากประเทศจีนและกรมปศุสัตว์ได้ประชุมหารือและได้ข้อสรุปร่างพิธีสารฯ ร่วมกัน ซึ่งพิธีสารดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการส่งออกผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งและชิ้นส่วนสัตว์ปีกจากประเทศไทยไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจะเป็นการขยายตลาด และสร้างโอกาสการลงทุนทางการค้า โดยจะส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ของไทยขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
สำหรับพิธีสารว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบ การกักกัน และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์ เพื่อการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งและชิ้นส่วนสัตว์ปีกจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน มีสาระสำคัญหลัก คือ 1) กำหนดให้ฝ่ายไทย มีหน้าที่รับผิดชอบในการตรวจสอบ การกักกัน และการออกใบรับรองสุขอนามัยสำหรับผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งและชิ้นส่วนสัตว์ปีกที่จะส่งออกไปยังประเทศจีน 2) กำหนดให้ผ่ายไทย ต้องให้ข้อมูลและเอกสารต่าง ๆ ได้แก่ กฎระเบียบและข้อบังคับเกี่ยวกับการฆ่าและชำแหละสัตว์ปีกและการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งและชิ้นส่วนสัตว์ปีก รวมถึงกระบวนการตรวจสอบและกักกัน ตลอดจนต้องให้ข้อมูลการติดตามและเฝ้าระวังสารตกค้าง โรคติดต่อ สารปนเปื้อน และเชื้อก่อโรค 3) กำหนดให้มีการจัดทำระบบตรวจสอบย้อนกลับ ต้องติดฉลากผลิตภัณฑ์โดยระบุรายละเอียดต่าง ๆ เช่น เลขทะเบียนสถานประกอบการ เลขที่ชุดการผลิต ปลายทาง วันผลิต อายุการเก็บรักษา และอุณหภูมิการเก็บรักษา เป็นต้น 4) ต้องมีใบรับรองสุขอนามัยแนบไปกับตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรจุผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งและชิ้นส่วนสัตว์ปีก และ 5) ในกรณีฝ่ายจีนตรวจสอบพบการปฏิบัติที่ไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดในพิธีสาร ฝ่ายจีนจะมีมาตรการ เช่น การส่งกลับ การกักกัน หรือการทำลาย เป็นต้น
"การลงนามพิธีสารนี้จะทำให้ประเทศไทยสามารถส่งออกสินค้าเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งและชิ้นส่วนสัตว์ปีกไปจีนได้มากขึ้น เนื่องจากจีนมีประชากรจำนวนมาก ทำให้มีความต้องการอาหารเพื่อการบริโภคค่อนข้างสูง หากลงนามพิธีสารฉบับนี้จะเป็นการเปิดตลาดสินค้าเนื้อสัตว์ปีกจากไทยไปจีน ซึ่งไทยจะมีข้อได้เปรียบกว่าประเทศอื่นที่ส่งสินค้าไปจีน เนื่องจากระยะทางในการขนส่งค่อนข้างใกล้ อีกทั้งยังสามารถเพิ่มรายได้เข้าประเทศอย่างน้อย 600 ล้านบาท/ปี อย่างไรก็ตาม ประเทศจีนได้มีการกำหนดโควตาการนำเข้าสัตว์ปีกแช่แข็งจากประเทศไทย จำนวน 100,000 ตัน/ปี โดยผู้นำเข้าต้องไปขอโควตาจากทางการจีน เป็นโควตาภาพรวมไม่ได้เจาะจงโรงงาน หากเต็มแล้วสามารถขยายเพิ่มได้ ทั้งนี้ จากข้อมูลในปี 2560 ประเทศไทยมีการส่งออกสินค้าสัตว์ปีกแช่เย็น/แช่แข็งไปประเทศอื่น ๆ จำนวน 258,364.58 ตัน คิดเป็นมูลค่า 24,845.24 ล้านบาท" นายลักษณ์ กล่าว