นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AEC ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการ การจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน บริษัท ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) จำกัด (มหาชน) หรือ TPLAS เปิดเผยว่า ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน เปิดเผยว่า ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ของTPLAS ที่ ราคา 1.48 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) เท่ากับ 14.80 เท่า ซึ่งถือว่าเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน ในขณะที่บริษัทจดทะเบียนอื่นที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจใกล้เคียงกับ TPLAS เช่น บริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน) (TPBI) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์พลาสติกและบรรจุภัณฑ์ประเภทอื่นๆ มีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) เฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี เท่ากับ 21.37 เท่า และปัจจุบันเท่ากับ 30.99 เท่า
ทั้งนี้ TPLAS จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อหุ้นในวันที่ 28-30 สิงหาคมนี้ โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (Co-Underwriter)หุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้
และคาดว่าจะเข้าซื้อขายหลักทรัพย์เป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ภายในเดือนกันยายนนี้ ในหมวดสินค้าอุตสาหกรรม ซึ่งเชื่อว่าการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก
สำหรับการระดมทุนในครั้งนี้ TPLAS เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 70 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 25.93 ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น
มีทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว 100 ล้านบาท คิดเป็นจำนวน 200 ล้านหุ้น โดยหลังจากการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้จะทำให้ทุนจดทะเบียน เพิ่มเป็น 135 ล้านบาท หรือคิดเป็น 270 ล้านหุ้น แบ่งเป็นการเสนอขายต่อประชาชนทั่วไป จำนวนไม่เกิน 58.62 ล้านหุ้น เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 10.50 ล้านหุ้น เสนอขายต่อกรรมการและผู้บริหารและพนักงานบริษัทฯจำนวนไม่เกิน 0.88 ล้านหุ้น
"การกำหนดราคา IPO ที่ระดับราคา 1.48 บาทต่อหุ้น ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม เมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องอย่างยั่นยืน ตามแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ ส่งให้มีการจับจ่ายใช้สอยที่เพิ่ม และผลิตภัณฑ์ของ TPLAS จัดเป็นสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งมีโอกาสเติบโตได้สูง" นายชนะชัย กล่าว
ทั้งนี้ หากพิจารณาถึงผลประกอบการของบริษัทฯในปี 2560 มีรายได้จากการขายรวม 530.96 ล้านบาท กำไรสุทธิ 22.09 ล้านบาท และล่าสุด บริษัทฯมีรายได้รวม งวด 6 เดือนปี 2561 ที่ 273.14 ล้านบาท และ กำไรสุทธิ 12.52 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นผลมาจากดีมานความต้องการใช้ถุงพลาสติกยังคงมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯต้องเพิ่มปริมาณกำลังการผลิตถุงพลาสติกของบริษัทฯ เพื่อรองรับกับดีมานที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ด้าน นายธีระชัย ธีระรุจินนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) จำกัด (มหาชน) หรือ TPLAS เปิดเผยว่า บริษัทฯเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ถุงบรรจุอาหารประเภท ถุงร้อน ผลิตจากพลาสติกชนิด PP , ถุงขุ่น และ ถุงหูหิ้ว ผลิตจากพลาสติกชนิด HDPE ภายใต้ตรา "หมากรุก" และฟิล์มยืดห่อหุ้มอาหาร ผลิตจากพลาสติกชนิด PVC ภายใต้ตรา "Vow Wrap" โดยมีสโลแกนคือ
" มาตรฐาน ทนทาน เหนียวแน่น " และมีนโยบายมุ่งเน้นสร้างการเติบโตโดยการเจาะตลาดท้องถิ่น ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าฐานเดิมที่มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
อีกทั้ง บริษัทฯมีแผนที่จะเพิ่มกำลังผลิตให้เพียงพอกับความต้องการของตลาด พร้อมๆกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณพร้อม และการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าทั่วไป และกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมอาหารที่ต้องการเก็บรักษาสินค้าและวัตถุดิบให้อยู่ได้นาน หรือห้างสรรพสินค้า และโรงแรมที่มีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ นอกจากนี้ ในอนาคตบริษัทฯมีแผนที่จะเพิ่มช่องทางการตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้านตามนโยบายเปิดการค้าเสรี (AEC)
" เรามั่นใจในศักยภาพด้านเทคโนโลยีการผลิต ส่งผลให้บริษัทฯมีความพร้อมที่จะมุ่งมั่นก้าวสู่การเป็นผู้นำทางด้านอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์เกี่ยวกับอาหารที่ทันสมัย และมีคุณภาพสูง ที่มีความหลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในประเทศและภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ " นายธีระชัย กล่าว
สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ จำนวน 103.60 ล้านบาท เพื่อลงทุนสินทรัพย์ในการขยายอาคารโรงงานใหม่ พร้อมติดตั้งเครื่องจักรใหม่ สำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์ถุงพลาสติก และปรับปรุงอาคารโรงงานเดิม รวมถึงสำนักงานบริษัทฯ เพื่อเป็นการรองรับความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์จากถุงพลาสติก และการขยายตลาดมากขึ้น
ปัจจุบัน บริษัทฯมีการผลิตสินค้าขนาดที่ใช้ทั่วไปในตลาดแบบ Mass Production เพื่อตอบสนองความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ถุงพลาสติกและฟิล์มถนอมอาหารที่มีมากในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันกำลังการผลิตถุงพลาสติก รวม 10,281.60 ตันต่อปี โดยแบ่งเป็น ถุงพลาสติกประมาณ 850 ตันต่อเดือน ในขณะที่กำลังการผลิตฟิล์มถนอมอาหาร (PVC) อยู่ที่ 1,411.20 ตันต่อปี หรือประมาณ 120 ตันต่อเดือน