ในคราวเดียวกันนี้ ยังได้ปรับปรุงการจัดประเภทเงินได้ในประมวลรัษฎากร เพื่อให้ภาระภาษีของนักลงทุนต่างประเทศที่ได้รับผลตอบแทนจากกองทุนรวมเท่าเทียมกันกับภาระภาษีของนักลงทุนในประเทศที่เสียอยู่แล้วในปัจจุบัน อันจะช่วยเพิ่มความเป็นธรรมในระบบภาษีและไม่บิดเบือนรูปแบบของการลงทุน
ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการวันนี้มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้กองทุนรวมที่ตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 15 ของรายได้ก่อนหักรายจ่ายใด ๆ และเมื่อมีผลใช้บังคับแล้ว กระทรวงการคลังจะเสนอกฎหมายลำดับรอง เพื่อให้การดำเนินการตามหลักการข้างต้นครบถ้วนสมบูรณ์ โดยกฎหมายลำดับรองดังกล่าวมีหลักการ อาทิ
- ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่กองทุนรวมสำหรับรายได้อื่นๆ อันจะทำให้กองทุนรวมมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเฉพาะรายได้จากดอกเบี้ย ส่วนลด และเงินได้ที่มีลักษณะเดียวกันกับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ของเงินได้ ซึ่งผู้จ่ายเงินได้จะเป็นผู้หักภาษี ณ ที่จ่ายและนำส่งกรมสรรพากร โดยกองทุนรวมไม่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีอีก ยกเว้นกรณีที่กองทุนรวมได้รับเงินได้ดังกล่าวจากต่างประเทศ กองทุนรวมต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีในส่วนของรายได้จากต่างประเทศนั้น แต่สามารถนำภาษีเงินได้ที่เสียไปในต่างประเทศมาเป็นเครดิตภาษีหักออกจากภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ต้องเสียในประเทศไทย แต่ต้องไม่เกินกว่าจำนวนภาษีในประเทศไทย
- ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) สำหรับรายได้ทั้งหมด เพื่อเป็นการส่งเสริมการออมเพื่อการเกษียณอายุ
- ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่กองทุนรวมสำหรับการฝากเงินหรือการลงทุนในตราสารหนี้ที่เกิดขึ้นก่อนกฎหมายมีผลใช้บังคับ รวมถึงดอกเบี้ยและส่วนลดของตราสารหนี้ที่เกิดขึ้นก่อนกฎหมายมีผลใช้บังคับด้วย
- ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินส่วนแบ่งของกำไรให้กับนักลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่ได้รับจากกองทุนรวมตราสารหนี้ เพื่อไม่ให้มีภาระภาษีซ้ำซ้อน
นอกจากนั้น จะมีการเสนอกฎหมายลำดับรองยกเลิกการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทที่ได้รับเงินส่วนแบ่งของกำไรจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้การประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มีภาระภาษีเท่าเทียมหรือใกล้เคียงกันกับการประกอบธุรกิจในรูปแบบบริษัท
อนึ่ง กระทรวงการคลังโดยกรมสรรพากรอยู่ระหว่างหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และสมาคมบริษัทจัดการลงทุนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกองทุนรวมที่เสนอขายเฉพาะกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) และการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่กองทุนรวมดังกล่าวหากมีการจัดตั้งขึ้น เพื่อให้กองทุนสำรองเลี้ยงชีพซึ่งปัจจุบันมีการลงทุนในกองทุนรวมไม่มีภาระภาษี อันจะเป็นการส่งเสริมการออมเพื่อการเกษียณอายุเช่นเดียวกันกับกรณี RMF
ศูนย์สารนิเทศสรรพากร กรมสรรพากร
โทร. 1161