สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้มีเยาวชนไทยสามารถคว้ามาได้ 16 เหรียญทอง จากสาขา 13 สาขา ได้แก่ สาขาบริการอาหารและเครื่องดื่ม สาขาประกอบอาหาร สาขาอินเตอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (ทีม) สาขาเทคโนโลยีระบบไฟฟ้าภายในอาคาร สาขาเทคโนโลยีงานเชื่อม สาขาเขียนแบบวิศวกรรมเครื่องกลด้วยคอมพิวเตอร์ สาขาสีรถยนต์ สาขาเทคโนโลยีระบบทำความเย็น สาขาบำรุงรักษาเครื่องจักรกล (ทีม) สาขาหุ่นยนต์เคลื่อนที่ (ทีม) สาขาเทคโนโลยียานยนต์ สาขาระบบอัตโนมัติอุตสาหกรรม (ทีม) และสาขาก่ออิฐ เหรียญเงิน 4 เหรียญ จากสาขาไม้เครื่องเรือน สาขาเสริมความงาม สาขากราฟิกดีไซน์ และสาขาแต่งผม เหรียญทองแดง 3 เหรียญ จากสาขาต่อประกอบมุมไม้ สาขาเทคโนโลยีระบบทำความเย็น และสาขาประกอบอาหาร
นอกจากนี้ยังได้รับเหรียญฝีมือยอดเยี่ยมอีก 13 เหรียญ ได้แก่ สาขาเทคโนโลยีสายเครือข่าย สาขาการดูแลระบบเครือข่ายสารสนเทศ สาขากราฟิกดีไซน์ สาขาแฟชั่นเทคโนโลยี (2 เหรียญ) สาขาเทคโนโลยียานยนต์ สาขาเทคโนโลยีระบบไฟฟ้าภายในอาคาร สาขาปูกระเบื้อง สาขาก่ออิฐ สาขาไม้เครื่องเรือน สาขาแต่งผม สาขาบริการอาหารและเครื่องดื่ม และสาขาเสริมความงาม และรางวัล Best of Nation เป็นของนางสาวฉัตรวริน คลองน้อย ผู้เข้าแข่งขันในสาขาบริการอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้แก่ผู้แข่งขันที่ทำผลงานได้ดีที่สุดของแต่ละประเทศ มีทั้งหมด 10 รางวัล
พล.ต.อ.อดุลย์ฯ กล่าวต่อว่า ผลการแข่งขันในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้มีมาตรฐานสากล เป็นที่ยอมรับทั้งในระดับภูมิภาคและนานาชาติ เป็นไปตามยุทธศาสตร์ ระยะ 20 ปี ใน 3 ด้าน ได้แก่ การสร้างความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ และการสร้างโอกาสและความเสมอภาค รวมไปถึงนโยบายประเทศไทย 4.0
ทั้งนี้ เยาวชนที่ชนะการแข่งขันในครั้งนี้ จะได้รับโอกาสในการคัดเลือกเป็นตัวแทนของประเทศเข้าร่วมแข่งขันฝีมือแรงงานนานาชาติ ครั้งที่ 45 ที่จะจัดขึ้นที่เมืองคาน สหพันธรัฐรัสเซีย ระหว่างวันที่ 22 - 27 สิงหาคม 2562 ต่อไป