WWF กระตุ้นสถาบันการเงินร่วมรับผิดชอบนโยบายการให้สินเชื่อที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม

พฤหัส ๐๖ กันยายน ๒๐๑๘ ๑๒:๒๖
ชี้สถาบันการเงินในเอเชียยังไม่ให้ความสำคัญด้านมาตรฐานการตรวจสอบประวัติธุรกิจลูกค้าก่อนปล่อยกู้ ด้านสถาบันการเงินไทยมีแนวโน้มที่ดีในการดำเนินนโยบายการเงินที่โปร่งใส ใส่ใจผลกระทบที่มีต่อแวดล้อมและสังคม และอยู่บนหลักธรรมาภิบาล

รายงานล่าสุดจากกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล หรือ WWF ภายใต้หัวข้อ Sustainable Banking 2018 หรือการธนาคารที่ยั่งยืนสำหรับปี 2561 ระบุว่า ปัจจุบันสถาบันการเงินรายใหญ่ของอาเซียนต่างเริ่มตระหนักถึงผลกระทบที่ธุรกิจของตนมีต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม แต่ยังไม่ได้มีการใช้ศักยภาพที่มีในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และการจัดหาเงินทุนเพื่อเป้าหมายสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ในด้านอาหาร พลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งหากละเลยในประเด็นต่างๆ เหล่านี้ สถาบันการเงิน ในฐานะผู้กุมเม็ดเงินการค้า และการลงทุน จะสูญเสียโอกาสเป็น "ผู้เปลี่ยนเกมส์" ในระบบเศรษฐกิจของภูมิภาคที่กำลังเดินหน้าสู่เป้าหมายแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน และความไม่ใส่ใจนั้นอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ที่มีต่อธุรกิจของตนในอนาคต

WWF ร่วมกับศูนย์ธุรกิจเพื่อธรรมาภิบาล แห่งสถาบันและองค์กร มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ แถลงรายงานล่าสุดซึ่งชี้ชัดว่า ธนาคารในภูมิภาคอาเซียนยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูล ด้านการบริหารจัดการความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามหลักข้อเสนอแนะของหน่วยงานสำหรับการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ(Taskforce for Climate-related Financial Disclosures หรือ TCFD) มากเท่าที่ควร

"จากการประเมินข้อมูลของธนาคารทั้งสิ้น 34 แห่ง มีเพียง 4 แห่งเท่านั้นที่เปิดเผยว่าผู้บริหารระดับสูงเล็งเห็นถึงความสำคัญของความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวเนื่องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นคำแนะนำที่สำคัญของ TCFD ทั้งนี้ไม่มีธนาคารใดเลยที่เปิดเผยว่าได้มีการตรวจสอบความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีต่อทรัพย์สินหรือเงินลงทุน หรือได้มีการจัดสรรทรัพย์สินหรือเงินลงทุนตามข้อตกลงปารีส หรือการพัฒนาอย่างยั่งยืน

"ประเด็นต่างๆ เหล่านี้ถือว่าส่งผลกระทบถึงเราทุกคน เพราะป่าไม้ และระบบนิเวศเป็นส่วนสำคัญในเรื่องของการบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลให้เกิดความยืดหยุ่นต่อระบบห่วงโซ่อุปทานของแหล่งอาหารในภูมิภาคด้วย ดังนั้นธนาคารจำเป็นต้องพูดคุยในเรื่องปัจจัยเสี่ยงของธุรกิจที่ธนาคารให้แหล่งเงินทุนหรือสินเชื่อที่อาจสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเร่งด่วน เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่า การเผาป่า การสร้างมลพิษในน้ำ พร้อมกันนี้ให้จัดสรรเงินทุนไปยังกิจกรรมที่ส่งเสริมการปฏิรูปอุตสาหกรรมอาหาร พลังงาน และระบบโครงสร้างพื้นฐานของภูมิภาคเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต" จีนนี่ สแตมป์ หัวหน้าโครงการ Asia Sustainable Finance ของ WWF กล่าว

ในส่วนของประเทศไทยนั้น พบว่า ธนาคารที่ได้รับการประเมิน ทั้ง 7 แห่งมีการเปิดเผยข้อมูลโดยอ้างอิงถึงความยั่งยืนในระดับกลยุทธ์ธนาคาร โดยธนาคาร 6 ใน 7 แห่งนี้มีการแบ่งแยกการดำเนินงานที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนมีผลกระทบเนื่องจากการดำเนินงานโดยตรงขององค์กรเอง และส่วนที่มีผลกระทบเนื่องจากการดำเนินงานทางอ้อมสืบเนื่องจากธุรกิจหรือกิจกรรมของลูกค้าที่ธนาคารให้สินเชื่อ ตลอดจนมีการให้ความสำคัญกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ รวมถึงมีความโปร่งใสภายใต้หลักธรรมาภิบาล โดยสะท้อนผ่านวิธีการบริหารจัดการ และการสร้างความมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อให้ทั้งลูกค้า คู่ค้า ของธนาคารงินเหล่านั้น ได้มีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตามในส่วนของความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการแผ้วถางทำลายป่าและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำนั้น ธนาคารทั้ง 7 แห่งยังไม่ได้นำการประเมินความเสี่ยงนี้มาใช้กับการประเมินกิจกรรมของลูกค้าของธนาคาร โดยปล่อยให้เรื่องเหล่านี้เป็นกิจกรรมภายในองค์กรเพียงอย่างเดียว โดยหากเปรียบเทียบกับข้อมูลเมื่อปีที่ผ่านมา ถือว่า เป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้มีธนาคารในประเทศไทย 2 แห่งที่เปิดเผยว่ามีการฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับการด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าที่ค่อยๆ ขยับขึ้นมาจากที่ปีก่อนหน้ายังไม่มีการทำงานด้านนี้อย่างเป็นรูปธรรม ในส่วนของการส่งเสริมสนับสนุนธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคม พบว่าธนาคาร 5 ใน 7 แห่งยังริเริ่มการให้สินเชื่อให้กับโครงการด้านพลังงานทางเลือกและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ธนาคารบางแห่งมีโครงการเงินกู้ Microfinance สำหรับผู้ประกอบการที่มีแนวคิดในการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังมีธนาคาร 1 แห่งได้ทำการออก Green Bond เป็นครั้งแรกในประเทศไทยอีกด้วย

กล่าวโดยสรุป สำหรับในภูมิภาคอาเซียน การที่จะดำเนินการให้มีความยืดหยุ่นควบคู่กับการพัฒนาที่ยั่งยืนนั้น ธนาคารต้องเร่งดำเนินการให้มีการนำ ESG (Environmental Social and Governance) ซึ่งประกอบด้วยการพิจารณาความเสี่ยงจากการเปลี่ยนเปลงสภาพอากาศ การตัดไม้ทำลายป่า และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินหลักของธนาคาร ซึ่งธนาคารนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมากในการเคลื่อนย้ายเงินทุนให้ไปสู่กิจกรรมที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ยั่งยืนสำหรับการจัดการอาหาร พลังงาน และการคมนาคมขนส่งในภูมิภาคอาเซียน ตลอดจนการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ผู้ลงทุนที่มีความรับผิดชอบต้องมีการตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าธนาคารได้ตนได้มีการลงทุนนั้นมีการพัฒนาและมีความคืบหน้าที่ทันต่อเวลา ตลอดจนต้องเข้ามามีส่วนร่วมและให้การช่วยเหลือในการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้

เกี่ยวกับรายงาน Sustainable Banking in ASEAN

รายงานชิ้นนี้เป็นการทำงานที่ต่อเนื่องจากรายงานที่ได้รับการจัดทำในปี 2560 " WWF's 2017 'Sustainable Banking in ASEAN: Addressing ASEAN's FLAWS' report" โดยเป็นรายงานที่สำรวจข้อมูลของสถาบันการเงิน 34 แห่งทั่วภูมิภาคอาเซียน 6 ประเทศในด้านของหลักการธรรมาภิบาลที่เหมาะสม รวมทั้งแนวทางการดำเนินนโยบายด้าน สิ่งแวดล้อม สังคมและกำกับดูแล (ESG)ที่มีความเข้มแข็งรายงานชิ้นนี้ได้รับการสนับสนุนจากแพลทฟอร์มออนไลน์ จากเว็บไซต์ www.susba.org ซึ่งเปิดเผยข้อมูลที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกและเปรียบเทียบผลการรายงานของสถาบันการเงินแต่ละแห่ง และตัวชี้วัดต่างๆ ตามค่ามาตรฐานการรายงานได้ตามที่ต้องการ

ทั้งนี้ ข้อมูลที่ใช้ประกอบการจัดทำรายงานมาจาก ข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณชน ที่ได้รับการจัดทำขึ้นเป็นภาษาอังกฤษประจำปี 2560 ผ่านรายงานประจำปี รายงาน การพัฒนาเพื่อความยั่งยืน และรายงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมที่ได้รับการเปิดเผยอย่างเป็นทางการก่อนวันที่ 3 กรกฎาคม 2561 ทั้งนี้ได้มีการพิจารณารายละเอียดต่างๆ ที่ได้รับการเปิดเผยบนเว็บไซต์ของสถาบันการเงินแต่ละแห่งในช่วงเวลาเดียวกัน

เกี่ยวกับ WWF

กองทุนสัตว์ป่าโลกสากล หรือ WWF เป็นหนึ่งในองค์กรขนาดใหญ่ที่สุดระดับโลกที่มุ่งมั่นทำงาน และอุทิศเพื่องานด้านการอนุรักษ์ ปัจจุบัน WWF มีผู้สนับสนุนมากกว่า 5 ล้านคนจากทั่วโลกและเครือข่ายขององค์กรทำงานร่วมกันในกว่า 100 ประเทศ พันธกิจของ WWF คือการหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงของสภาวะธรรมชาติของโลกในเชิงลบ และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนของโลกที่มีมนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติได้อย่างมีความสมดุลย์ ด้วยการอนุรักษ์สภาพชีววิทยาที่หลากหลาย และมุ่งทำงานเพื่อรักษาทรัพยากรด้านพลังงานให้ถูกนำกลับมาใช้งานอย่างสมดุลย์และยั่งยืน รวมทั้งสนับสนุนการทำงานเพื่อหยุดยั้งมลพิษและการบริโภคที่เกินพอดี สามารถศึกษาข้อมูลการทำงานของเราเพิ่มเติมได้ที่ www.panda.org/news

และติดตามการทำงานของ WWF ประเทศไทยได้ที่

Facebook: https://www.facebook.com/wwfthailand/

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version