นายรังสรรค์ จันทร์นฤกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจสื่อสารไร้สาย บมจ.ทีโอที
กล่าวว่า ธุรกิจของหน่วยธุรกิจสื่อสารไร้สาย ประกอบด้วย การให้บริการไร้สายบนคลื่นความที่ย่าน 2100 MHz และ 2300 MHz ในรูปแบบ Network Provider โดยร่วมกับพันธมิตรธุรกิจ บริการโมบายบรอดแบนด์ ซึ่งปัจจุบัน ทีโอที ได้เปลี่ยนชื่อบริการจาก TOT 3G เป็นบริการ TOT mobile เพื่อให้รองรับกับการให้บริการด้วยเทคโนโลยี 3G และ 4G ด้วยคลื่น 2100 MHz และคลื่น 2300 MHz โดยมีกลุ่มเป้าหมายลูกค้าในเขตเมือง และเขตชานเมือง ทั้งนี้ ปัจจุบัน ทีโอที ได้เปลี่ยนชื่อบริการจาก TOT 3G เป็นบริการ TOT mobile เพื่อให้รองกับคลื่น 2100 MHz และคลื่น 2300 MHz ซึ่งจะสร้างความได้เปรียบคู่แข่งด้วยแบนด์วิดท์ที่ใหญ่และกว้างที่สุด ปัจจุบันมีลูกค้าใช้บริการถึง 619,700 ราย ทั้งนี้ ทีโอที ตั้งเป้าสิ้นปี 2561 จะมีลูกค้ารวม 700,000 เลขหมาย แบ่งเป็นรายย่อยประมาณ 55,000 เลขหมาย ลูกค้าองค์กร ประมาณ 65,000 เลขหมาย และ ลูกค้า ขายส่ง MVNO ประมาณ 580,000 รวมถึง ทีโอที ได้นำความจุของโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของทั้ง 2 ย่าน มาพัฒนาให้บริการกับลูกค้า ทั้งบริการขายส่ง กับพันธมิตร MVNO บริการ International Roaming บริการ IoT และบริการ solution โดยในเทคโนโลยี Mobile Broadband
นอกจากนี้ หน่วยธุรกิจสื่อสารไร้สายของ ทีโอที ยังมีบริการสื่อสารไร้สายประเภทต่าง ๆ เพื่อให้บริการลูกค้า ทั้งบริการวงจรเช่าส่วนบุคคล บริการ Satellite และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไปยังพื้นที่บริการทางสายไม่สามารถเข้าถึง หรือไม่คุ้มค่าเหมาะสม โดยใช้โครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 4G LTE-Advance 2300 ในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ปลายทางแบบประจำที่ (CPE) แบบไร้สาย ด้วยอุปกรณ์ทั้งแบบ Outdoor และ Indoor อาทิ คอนโดมิเนียม อาคารสูง หรือประเภทลูกค้าที่ไม่ได้ใช้งานเป็นประจำ เช่น นิสิต นักศึกษาตามหอพัก และอพาร์ทเม้นท์ชั่วคราว เป็นต้น
สำหรับมาตรการตลาดปัจจุบัน ทีโอที เน้นการเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มตามพื้นที่ที่โครงข่ายครอบคลุม โดยใช้จุดเด่นในด้านแบนด์วิดท์ที่ใหญ่และกว้างที่สุด ด้วยการจัดแพคเกจโปรโมชั่นราคาที่ตอบโจทย์ความต้องการใช้งานของลูกค้า รวมถึงการจัดกิจกรรมสนับสนุนการขายต่าง ๆ โดยจะเจาะกลุ่มลูกค้าทั้งระดับองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน กลุ่มลูกค้า SME และลูกค้า Mass ที่กระจายทั่วประเทศ