นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการ สถาบันอาหาร กล่าวถึงแนวคิดในการจัดงาน Thai Taste Expo 2018 : สุดยอดศาสตร์ ศิลป์ แห่งอาหารและสินค้าไทย ว่า "จากนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นให้เกิดการกระจายรายได้ สร้างช่องทางการค้าใหม่ให้แก่ผู้ประกอบการทั่วประเทศ สถาบันอาหารจึงมีแนวคิดในการจัดงานครั้งนี้ขึ้น โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานพันธมิตรมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กรมการพัฒนาชุมชน สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ธนาคารไทยพาณิชย์ เอสเอ็มอีแบงก์ บสย. รวมทั้งสวนนงนุช และเมืองพัทยา
โดยงานนี้มีผู้ประกอบการทั่วประเทศเข้าร่วมออกบูธกว่า 600 บูธ บนพื้นที่ 10,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย 5 โซน ได้แก่ บูธนิทรรศการนวัตกรรมด้านอาหารและวิชาการ บูธผู้ประกอบการโครงการอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง บูธผู้ประกอบการโครงการส่งเสริมมาตรฐานอาหารไทย Authentic บูธผู้ประกอบการ SMEs ด้านอาหาร รวมทั้งบริการ อุปกรณ์เครื่องมือสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจอาหาร และเวทีกิจกรรมเสวนา และความบันเทิงต่างๆ ส่วนพื้นที่ด้านหน้าจัดแสดงสินค้าภายใต้โครงการเพิ่มศักยภาพการค้าการลงทุนตามแนวชายแดน และเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง จำนวน 750 ผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงสินค้าของผู้สนับสนุน และการออกร้านของหน่วยงานท้องถิ่นเมืองพัทยาอีกด้วย
Thai Taste Expo 2018 : สุดยอดศาสตร์ ศิลป์ แห่งอาหารและสินค้าไทย จัดที่สวนนงนุชพัทยา ระหว่างวันที่ 19-23 กันยายน 2561 ซึ่งจะเป็นการเปิดศักยภาพมุมมองใหม่ ๆของจังหวัดชลบุรี ประตูการค้าภาคตะวันออก ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากที่สุดอันดับ 2 ของประเทศรองจากกรุงเทพฯ โดยปี 2560 ที่ผ่านมา จังหวัดชลบุรีมีนักท่องเที่ยวสูงถึง 16 ล้านคน หากสามารถดึงนักท่องเที่ยวดังกล่าวเข้ามาเยี่ยมชมงานได้ ก็จะเป็นการสร้างการรับรู้ เผยแพร่ประสบการณ์ไปสู่ตลาดโลกได้อีกทางหนึ่ง โดยคาดการณ์ว่าการจัดงานครั้งนี้จะมีผู้เข้าร่วมชมงานประมาณ 30,000 คน เป็นนักท่องเที่ยว 50% และคนในพื้นที่ 50% สามารถสร้างรายได้ในการจำหน่ายสินค้าภายในงานประมาณ 10 ล้านบาท กระตุ้นให้เกิดการเจรจาธุรกิจไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการนำผู้ประกอบการเข้าร่วมงานดังกล่าวว่า "กรมการพัฒนาชุมชนได้ดำเนินการพัฒนายกระดับผลิตภัณฑ์โอทอป รวมทั้งสร้างช่องทางการจำหน่าย เพื่อให้ผู้ประกอบการ OTOP ไทยสามารถแข่งขันได้ และยังเพิ่มศักยภาพการค้าการลงทุนเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ที่ผ่านมาได้มีการพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้เกิดมูลค่าเพิ่มในภาคอีสาน 20 จังหวัด จำนวน 4,600 ราย โดยทางกรมการพัฒนาชุมชนได้นำผู้ประกอบการที่มีศักยภาพเหล่านี้มาร่วมออกบูธในงาน Thai Taste Expo 2018 : สุดยอดศาสตร์ ศิลป์ แห่งอาหารและสินค้าไทย รวม 80 บูธ ประกอบไปด้วยสินค้ากลุ่มอาหาร กลุ่มสมุนไพรที่มิใช่อาหาร กลุ่มของใช้และกลุ่มเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ที่มีความโดดเด่นแสดงถึงอัตลักษณ์ของภาคอีสานแตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่น จึงอยากเชิญชวนให้คนไทยหันมาชื่นชมและสนับสนุนสินค้าไทย หนุนให้เศรษฐกิจฐานรากของประเทศเติบโตอย่างเข้มแข็ง
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่คัดสรรผู้ประกอบการเข้าร่วมออกบูธในงานจำนวน 320 ราย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจากผลผลิตในโครงการที่ สสว. ได้บูรณาการความร่วมมือกับสถาบันอาหารมาตลอดระยะเวลา 2 ปี นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กล่าวว่า "สสว. เล็งเห็นความสำคัญของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารที่มีจำนวน 106,000 ราย สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับระบบเศรษฐกิจ (GDP) มูลค่า 295,000 ล้านบาทในปี 2559 จึงได้สนับสนุนงบประมาณในการจัดงานและนำผู้ประกอบการเข้าร่วมออกบูธจำนวนกว่า 320 ราย และขอเชิญชวนให้ผู้สนใจเข้าร่วมชมงานนี้ที่รวบรวมสุดยอดอาหารและสินค้าไทยมารวมไว้ในแห่งเดียว ท่านจะได้เห็นไอเดียสร้างสรรค์ของ OTOP และ SMEs ไทยในการนำวัตถุดิบท้องที่ มาผนวกกับภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างมูลค่าเพิ่มแก่สินค้าได้อย่างภาคภูมิ
ผู้ที่สนใจสามารถเข้าเยี่ยมชมงาน Thai Taste Expo 2018 : สุดยอดศาสตร์ ศิลป์ แห่งอาหารและสินค้าไทย จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-23 กันยายน 2561 ณ สวนนงนุช เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี โดยเปิดให้ประชาชนทั่วไปรวมทั้งนักท่องเที่ยวเข้าร่วมงานฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย