วันนี้ (13 กันยายน 2561) สถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) จัดประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติครั้งที่ 4/2561 ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยมีพลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม โดยที่ประชุมได้หารือในประเด็นสำคัญคือ การปรับปรุงกลไกการพิจารณาการนำวัคซีนใหม่มาใช้ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค โครงการพัฒนาวัคซีนไข้สมองอักเสบเจอีชนิดเชื้อเป็นโดยใช้เทคโนโลยีพันธุวิศวกรรมภายใต้วาระแห่งชาติด้านวัคซีน และโครงการนำร่อง (Pilot project) การบูรณาการการบริหารจัดการวัคซีน การจัดซื้อและการสำรองวัคซีนรูปแบบใหม่
พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ได้กล่าวว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบทางเลือกการปรับปรุงกลไกการพิจารณาการนำวัคซีนใหม่มาใช้ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ซึ่งจะมีการทำงานร่วมกันของคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ภายใต้คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ และคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และจะมีคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชีวัคซีนหลักแห่งชาติ ภายใต้คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เพื่อพิจารณานำวัคซีนมาใช้ทั้งในภาวะปกติและภาวะที่มีการระบาดของโรคอุบัติใหม่และอุบัติซ้ำ โดยทางเลือกใหม่นี้ยึดเหตุผลความจำเป็นของประชาชนและประเทศชาติเป็นสำคัญ และคำนึงถึง 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1. ลดความซับซ้อนในการดำเนินงาน 2. มีความรอบคอบในทุกมิติ 3.รองรับสถานการณ์ของโรคที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และ 4. มีกรอบระยะเวลาในการดำเนินงานที่ชัดเจน
พลเอกฉัตรชัย ยังกล่าวต่ออีกว่า คณะกรรมการฯ ได้รับทราบผลการดำเนินงานและสภาพปัญหาของโครงการพัฒนาวัคซีนไข้สมองอักเสบเจอีชนิดเชื้อเป็นโดยใช้เทคโนโลยีพันธุวิศวกรรมภายใต้วาระแห่งชาติด้านวัคซีน ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างองค์การเภสัชกรรมและมหาวิทยาลัยมหิดล และได้ให้แนวทางในการแก้ปัญหา เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านวัคซีนของประเทศ ซึ่งจะทำให้เกิดการต่อยอดการวิจัยพัฒนาสู่การผลิตในระดับอุตสาหกรรม และทำให้ประเทศไทยสามารถพึ่งตนเองและมีความมั่นคงด้านวัคซีน
นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ยังได้รับทราบความคืบหน้าโครงการนำร่อง (Pilot project) การบูรณาการบริหารจัดการวัคซีน การจัดซื้อและการสำรองวัคซีนรูปแบบใหม่ ซึ่งคณะทำงานดำเนินการโครงการนำร่องฯ ที่มีปลัดกระกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการประชุมทุกเดือน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด ทั้งการจัดซื้อร่วมกันแบบปีต่อปี (Pooled procurement) ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2562 และการเตรียมการเพื่อการจัดซื้อวัคซีนบางชนิดแบบผูกพันงบประมาณหลายปี (Multi-year tender) ในปีงบประมาณ 2563 ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบ และมอบหมายให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ร่วมกับ สปสช. และกระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการขออนุมัติหลักการจาก ครม. ส่วนการจัดซื้อจากผู้ผลิตและ/หรือผู้นำเข้ามากกว่า 1 ราย (Multi-supplier) ในราคาเดียวกัน ให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติเสนอต่อกรมบัญชีกลางเพื่อขอยกเว้นการดำเนินการตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 เพื่อลดปัญหาการขาดแคลนวัคซีน ซึ่งจะทำให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้รับการป้องกันโรคด้วยวัคซีนอย่างครอบคลุม