ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากว่า 3 ปี นับตั้งแต่เมษายน 2558 และดอกเบี้ยขาขึ้นครั้งสุดท้ายคือช่วง 2553-2554 การส่งสัญญาณให้ทุกภาคส่วนมีการเตรียมตัวก่อนจึงจำเป็น โดยเฉพาะในช่วงนี้ ที่มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา ทั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่เริ่มกระจายตัวที่ดีขึ้นในระยะหลัง ขณะที่ปัจจัยภายนอก ทั้งสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน และการที่สหรัฐฯจะเริ่มเก็บภาษีนำเข้าจากจีนระลอกใหม่กับสินค้ามูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ ตั้งแต่ 24 กันยายนนี้ ที่จะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัว ซึ่งถือเป็นตัวแปรสำคัญ และความผันผวนในตลาดเงิน ตลาดทุนของตลาดเกิดใหม่ ทำให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินของประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรของผู้ประกอบการส่งออกลดลง
สำหรับในปีหน้า คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังอยู่ในระดับต่ำ และมีเสถียรภาพทางการเงินที่ดี ทำให้แรงกดดันของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง มีน้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน จึงคาดว่า กนง.จะรอดูผลของการปรับขึ้นอัตราดอกเบึ้ยในเดือนธันวาคม 2561 และเว้นช่วงก่อนจะมีการปรับขึ้นอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปี 2562