นายพีท ริมชลา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HTECH ผู้ประกอบธุรกิจผลิต รับจ้างผลิต และจำหน่ายเครื่องมือตัดเฉือนโลหะ (Cutting Tools) รายใหญ่ในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยถึงทิศทางผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลัง ปี 2561 คาดว่ามีแนวโน้มเติบโตดีกว่างวดครึ่งปีแรก จากภาพรวมตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศมีการขยายตัว โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ (HDD) ในประเทศที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง และลูกค้ารายหลักขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศฟื้นตัว มีดีมานด์เข้ามาเพิ่มขึ้นมาก สนับสนุนให้กำลังการผลิตของบริษัทใหญ่เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 90% ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา และเพื่อรองรับการเติบโตในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ได้สั่งซื้อเครื่องจักรเพื่อลดปัญหาคอขวดในกระบวนการผลิตในเครื่องจักรเดิม จำนวน 5 เครื่อง มูลค่ารวมประมาณ 20 ล้านบาท ติดตั้งแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สนับสนุนให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกประมาณ 10%
อย่างไรก็ตาม จากแผนการขยายกำลังการผลิตของลูกค้ากลุ่มฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ 3 รายหลัก ที่มีต่อเนื่องไปจนถึงปลายปีหน้า เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่สะท้อนความต้องการสินค้าของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก จึงสั่งซื้อเครื่องจักรใหม่สำหรับขยายกำลังการผลิตของบริษัทใหญ่ในส่วนของงานคาร์ไบด์อีกจำนวน 6 เครื่อง (มูลค่ารวมประมาณ 42 ล้านบาท) คาดว่าจะเข้ามาติดตั้งในช่วงต้นปี 2562 บนพื้นที่อาคารโรงงานใหม่ของบริษัทฯ ที่สร้างรอไว้แล้ว รองรับสินค้ากลุ่มฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟที่ยังเติบโตโดดเด่น และสินค้ากลุ่มยานยนต์ที่มีความต้องการเข้ามาจนล้น และไม่สามารถผลิตได้ทันกับความต้องการของลูกค้า หลังจากนี้จะรอดูความชัดเจนของลูกค้าเพื่อสั่งซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติมในปีหน้า นอกจากนี้ ภาพรวมตลาดต่างประเทศ ยังอยู่ระหว่างเดินตามแผนการขยายตลาด เจาะกลุ่มลูกค้ารายเดิม และลูกค้าใหม่ เพื่อสร้างการเติบโตของยอดขายให้มั่นคงในระยะยาว
พร้อมทั้ง ประเมินภาพรวมธุรกิจปี 2561 จะเป็นอีกปีที่ดีของบริษัทฯ คาดทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องทั้งยอดขายและกำไร รอดูผลประกอบการสิ้นไตรมาส 3/2561 อาจมีแผนปรับเป้ารายได้เพิ่ม จากเป้าหมายรายได้เดิมในปี 2561 วางไว้เติบโต 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนทำได้ 1,004.22 ล้านบาท กำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่อยู่ที่ 148.30 ล้านบาท
"ในช่วงปีที่แล้ว บริษัทฯ ได้ลงทุนสร้างอาคารโรงงานใหม่ และทยอยติดตั้งเครื่องจักรตลอดทั้งปีทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/2560 เป็นต้นมา สามารถส่งมอบงานให้ลูกค้าได้เพิ่มขึ้นตามลำดับ โดยในครึ่งปีแรกนี้สินค้ากลุ่มฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ยังคงเป็นดาวเด่น สนับสนุนให้ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา กำลังการผลิตของบริษัทใหญ่ขึ้นไปพีคสุด แตะระดับ 100% มาแล้ว ขณะที่ ออเดอร์ลูกค้ากลุ่มยานยนต์มีเข้ามาเพิ่มขึ้น ตามภาพรวมอุตสาหกรรมที่ขยายตัว ทำให้ผลงานในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทฯ มีสัดส่วนสินค้ากลุ่มฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ คิดเป็น 56% กลุ่มยานยนต์คิดเป็น 38% ของรายได้จากการขายของบริษัทใหญ่ และปัจจุบัน ได้สั่งซื้อเครื่องจักรใหม่เพิ่มเติมอีกบางส่วน เพื่อรองรับการเติบโตในปี 2562 ที่คาดว่ามีแนวโน้มโดดเด่นต่อเนื่องจากปีนี้" นายพีท กล่าว
โดย HTECH เป็นผู้นำตลาดเครื่องมือตัดเฉือนโลหะรายใหญ่ มีโรงงานผลิตในประเทศไทย และประเทศฟิลิปปินส์ มีบริษัทย่อยที่เป็นตัวแทนจำหน่ายใน 6 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ ไทย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, มาเลเซีย, เวียดนาม และอินโดนีเซีย ล่าสุด ก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องมือตัดเฉือนโลหะ (Cutting Tools) ที่เวียดนามแล้วเสร็จเรียบร้อยแล้ว เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงปลายปี 2560 ที่ผ่านมา ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเพิ่มการทำงานจาก 1 กะ เป็น 2 กะ เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น โดยกลุ่มลูกค้าในประเทศเวียดนามเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ และชิ้นส่วนจักรยานยนต์เป็นหลัก
สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก บริษัทฯ มีรายได้รวม 548.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.78 ล้านบาท หรือ 10.20% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าทำได้ที่ 497.71 ล้านบาท โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของรายได้ของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในประเทศที่เพิ่มขึ้นรวม 51.97 ล้านบาท โดยเป็นส่วนของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 25.48 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากโรงงานใหม่ทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์เดิมและผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่เป็นสินค้า High-end สามารถส่งมอบสินค้าได้เพิ่มขึ้นตามลำดับ ในส่วนของบริษัทย่อยในประเทศเติบโตทุกบริษัทฯ ได้รับอานิสงค์จากการขยายตัวของอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ และการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย
ด้านกำไรสุทธิสำหรับงวด ในงบการเงินรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีอยู่ที่ 105.84 ล้านบาท และกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ 86.79 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 19.30 และ 15.82 ต่อรายได้รวมตามลำดับ