1) ความชัดเจนของนโยบายภาครัฐ
2) ความต่อเนื่องของการก่อสร้างโครงการพื้นฐานขนาดใหญ่ (Mega Project) ทั้งทางรถ ทางราง ทางเรือ และทางอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษ ภาคตะวันออก พ.ศ. 2561 ได้มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2561 จะส่งผลให้โครงการก่อสร้างพื้นฐานสาคัญต่างๆ เดินหน้าต่อไปได้อย่างรวดเร็ว
3) นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่กระจายงบประมาณไปยังแต่ละพื้นที่ เช่น โครงการ ไทยนิยมยั่งยืน เป็นต้น
จะส่งผลต่อไปยังความเชื่อมั่นของภาคเอกชนในการลงทุนก่อสร้างต่างๆ ทั้งการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ การพัฒนาที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรมใกล้กับเส้นทางขนส่งมวลชนใหม่ และการก่อสร้างโรงงาน ทั้งหมดนี้ จะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้คาดการณ์ว่า ตลาดปูนซีเมนต์ในครึ่งปีหลังจะดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก
นอกจากนี้ เพื่อตอบรับกับกระแสด้านสิ่งแวดล้อมที่มีมากขึ้น จึงเชิญชวนโครงการก่อสร้างต่างๆ ของภาครัฐปรับเปลี่ยนมาใช้ "ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก" (มอก. 2594-2556) ซึ่งมีคุณสมบัติเทียบเท่ากับปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ (มอก. 15) แต่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า รวมทั้งขอให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งรัดการออกประกาศมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ที่ใช้ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกเป็นส่วนประกอบในการผลิต เช่น คอนกรีตผสมเสร็จ ผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป เป็นต้น ก็จะนับได้ว่า มีส่วนสำคัญในการร่วมกันลดภาวะโลกร้อน และจะส่งผลให้ไทยบรรลุเป้าหมายที่ได้ให้สัตยาบันไว้ตามข้อตกลงปารีส (Paris Agreement)