นายวิโรจน์ กล่าวถึงเหตุผลในการขายหุ้นครั้งนี้ว่า จากการที่ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทฯ ได้มีการนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุน (Roadshow) ในช่วงที่ผ่านมา พบว่ามีนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศแสดงความสนใจที่จะลงทุนในหุ้นของบริษัทฯ เป็นจำนวนมาก เนื่องจากชื่นชมนโยบายการบริหารงานที่มีความคล่องตัว สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ที่มีความผันผวน รวมถึงความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เป็นผลให้สามารถสร้างการเติบโตทั้งรายได้และความสามารถในการทำกำไรในระดับที่สูงกว่าอุตสาหกรรมโดยรวม อย่างไรก็ตาม นักลงทุนดังกล่าวมีข้อจำกัดในการลงทุนในหุ้นของบริษัทฯ เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านสภาพคล่องและหุ้นมีความผันผวนค่อนข้างมาก จึงสอบถามมาทั้งทางบริษัทฯ และทางตนเองเกี่ยวกับแนวทางที่จะปรับปรุงเรื่องดังกล่าว
"ส่วนตัวผมไม่ได้มีความจำเป็นและไม่ได้อยากจะขายหุ้น แต่ได้รับการติดต่อมาจากนักลงทุนสถาบันหลายรายที่สนใจลงทุนในหุ้น SABINA ซึ่งทุกรายพูดถึงปัญหาเรื่องสภาพคล่อง และการผันผวนของราคาหุ้น เนื่องจากเดิมเราไม่มีฐานนักลงทุนสถาบันเลย การที่ผมตัดสินใจขายหุ้นในครั้งนี้ ผมเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อราคาหุ้นของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นทุกคนในระยะยาว นักลงทุนที่ลงทุนในครั้งนี้ส่วนมากก็เป็นกองทุนชั้นนำของประเทศ รวมถึงกองทุนระดับโลก เช่น กองทุน Templeton และ Capital Group เป็นต้น ซึ่งน่าจะส่งผลดีในเรื่องของสภาพคล่องและจะช่วยลดความผันผวนของราคาหุ้น เพราะเราจะมีฐานนักลงทุนสถาบันที่มีคุณภาพในสัดส่วนที่ใหญ่ขึ้นมาก ซึ่งจะส่งผลให้เสถียรภาพของราคาหุ้นดีขึ้น" นายวิโรจน์ กล่าวเสริม
สำหรับการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้เป็นการเสนอขายให้แก่นักลงทุนในวงจำกัด (Private Placement) ด้วยวิธีการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์และประมูลราคากับนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศแบบข้ามคืน (Overnight Global Bookbuilding) โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้น โดยได้รับความสนใจและการตอบรับเป็นอย่างสูงจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยสัดส่วนหุ้นที่สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้ (Free Float) ของบริษัทฯ จะเพิ่มจากเดิม ร้อยละ 19.4 เป็นร้อยละ 48.14
เกี่ยวกับบริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน)
บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ผลิตชุดชั้นในชั้นนำของไทยภายใต้เครื่องหมายการค้า Sabina โดยเริ่มก่อตั้งขึ้นจากการร่วมทุนกันของสมาชิกรุ่นที่ 2 ของครอบครัวธนาลงกรณ์นำโดยนายวิโรจน์ ธนาลงกรณ์ ซึ่งมีความชำนาญในอุตสาหกรรมชุดชั้นในมากกว่า 30 ปี
ในปัจจุบันบริษัทฯ มีช่องทางการจำหน่ายในประเทศผ่านห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และ Sabina shop ทั่วประเทศ และผ่านช่องทางการขายใหม่ๆ เช่น ช่องทาง TV ช่องทาง Online ซึ่งปรับเปลี่ยนไปตามลักษณะการซื้อสินค้าของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้บริษัทฯ ได้มีการขายสินค้าไปยังต่างตลาดประเทศผ่านผู้จัดจำหน่ายในต่างประเทศ (local distributors) ในประเทศตะวันออกลาง เอเชีย(ปากีสถาน) และ กลุ่มประเทศ AEC (CLMV และ ฟิลิปปินส์)