หากมองผลงานทั้งสองชิ้นไม่ว่าจะเป็น GENOCIDE หรือ WAR จะดูเหมือนแค่กระดาษสีขาว 1 แผ่นถูกขีดด้วยปากกาไฮไลท์สีชมพูและสีส้ม เต็มหน้ากระดาษ แต่ถ้าหากมองลึกลงไปจะเริ่มเห็นรายละเอียดในตัวงาน โดยใช้เวลาในการเตรียมตัวตั้งแต่รีเสิร์ทและเตรียมข้อมูลกว่า 5 เดือนเลยทีเดียว โดยตัวอย่างของงาน GENOCIDE ทีมต้องทำการบ้านก่อนว่าไทมไลน์เหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้มีอะไรบ้าง ตัวอย่างเช่น สงครามจีน-ญี่ปุ่นที่เมืองนานกิง การสังหารหมู่ของนาซี ทุ่งสังหารที่กัมพูชา ปัญหาของชาวโรฮิงญา หรือแม้แต่สงครามในอิรักของกลุ่ม IS และชาวซีเรีย ซึ่งเรื่องราวต่างๆ จะถูกร้อยเรียงลงไปในแต่ละบรรทัดๆ ไล่ไปตามปีเกิดก่อน-หลัง เหมือนการจดบันทึกและใช้ปากกาไฮไลท์ขีดทับเพื่อให้ไม่ลืมเหตุการณ์โหดร้ายเหล่านี้จริงๆ
นอกจากการรวบรวมเอาเหตุการณ์มาร้อยเรียงแล้วภาพแต่ละช็อต ทีมครีเอทีฟยังต้องทำการบ้านเพิ่ม เพื่อเลือกเอาภาพที่สามารถสะท้อนถึงเหตุการณ์เหล่านั้นได้ชัดเจนที่สุด อาจดูเหมือนจะเป็นรายละเอียดเล็กๆ แต่ยิ่งในแง่ของการแสดงให้เห็นถึงการทำการบ้านอย่างหนัก เพราะทุกภาพต้องอิมแพคและเป็นภาพจำของคนทั้งโลกเพื่อให้แคมเปญนี้ทรงพลังมากขึ้น นอกจากนี้ทีมยังใช้เลย์เอ้าท์ที่ยึดจากการจัดบรรทัดของหนังสือจริงมาใช้ พร้อมกับฝัง Tagline "UNFORGETTABLE" ไว้ที่ท้ายสุดของงาน เพื่อย้ำเตือนถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่ไม่มีวันลืมเลือน
หลังจากนั้นเลือกเทคนิคการพิมพ์ภาพแบบออฟเซต (Offset printing) ที่เราเคยใช้ในอดีต ถูกดึงกลับมาใช้อีกครั้ง ด้วยการเอาเทคนิคการพิมพ์ภาพโดยสีพิเศษ เพราะสีเรืองแสงที่เหมือนกันปากกาไฮไลท์จริงนั้น เครื่องพิมพ์แบบดิจิทัลไม่สามารถทำได้ และที่สำคัญการที่เราเลือกใช้สี "ชมพู" และ "ส้ม" ทั้งคู่เป็นสีโทนร้อนที่นิยมใช้ในปากกาไฮไลท์ที่ใช้งานกันทั่วโลก