"สำหรับรอบผลการดำเนินงาน 6 เดือนที่ผ่านมา (1 ม.ค. 61 - 30 มิ.ย. 61) กองทุน ABPIF มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ย (Dividend Yield) อยู่ที่ 8.96% และมีการจ่ายปันผลนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนแล้วทั้งสิ้น 10 ครั้ง รวมเป็นเงินอัตรา 3.7277 บาทต่อหน่วย โดยกองทุนมีกำไรสุทธิก่อนการปรับปรุงด้วยมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้น 206.87 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.3448 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้กองทุน ABPIF เป็นการลงทุนในสัญญาโอนผลประโยชน์จากการประกอบกิจการไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 1 และ 2 ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี ที่มีรายได้หลักมาจากการทำสัญญาระยะยาวในการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ซึ่งสัญญาโอนผลประโยชน์ของโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 1 จะสิ้นสุดลงใน เดือนกันยายน 2562 ในขณะที่ สัญญาโอนผลประโยชน์ของโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 2 จะมีอายุคงเหลือจนถึงปี 2565" นายวิทวัสกล่าว
ส่วนการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง 2561 นายวิทวัสกล่าวว่า ยังคงคาดการณ์ว่ากองทุนจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีอย่างต่อเนื่อง พิจารณาจากแนวโน้มความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ ตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยทั้งปีไว้ที่ร้อยละ 4.2 – 4.7 ตามการประมาณการของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แต่ปัจจัยภายนอกที่อาจกระทบต่อผลการดำเนินงานในปี 2561 ได้แก่ ต้นทุนก๊าซธรรมชาติ ซึ่งแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของราคาตลาด และมีความผันผวนค่อนข้างสูง จึงเป็นตัวแปรที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด" นายวิทวัสกล่าว
กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ABPIF) จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดังนั้นสำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุน ABPIF สามารถซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุน ABPIF ได้ที่ www.kasikornasset.com หรือ บลจ.กสิกรไทย หรือขอข้อมูลดังกล่าวจากบุคคลที่เสนอขายกองทุน ก่อนตัดสินใจลงทุน