"สถาบันราชานุกูล" เร่งพัฒาเป็น "ศูนย์กลางรักษาเด็กป่วยทางจิตเวชระดับโลก"

พุธ ๒๖ กันยายน ๒๐๑๘ ๑๔:๕๗
กรมสุขภาพจิต เร่งดันให้ สถาบันราชานุกูล เป็นศูนย์พัฒนาวิชาการของไทยและภูมิภาคอาเซียน มีความเชี่ยวชาญดูแลผู้ที่มีภาวะบกพร่องทางสติปัญญาอย่างสมบูรณ์แบบ

ล่าสุด กอง บ.ก.เว็บไซต์ medhubnews.com ข่าวสุขภาพ สาธารณสุข การท่องเที่ยว วาไรตี้ และ เพจ sasook รายงานว่า

นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ระบุถึง สถาบันราชานุกูล แห่งนี้ทำหน้าที่เป็นสถาบันทางวิชาการ เป็นศูนย์เชี่ยวชาญระดับประเทศในการพัฒนาคุณภาพระบบบริการเด็กที่บกพร่องทางสติปัญญาตั้งแต่แรกเกิด - 5 ขวบ

โดยไทยพบผู้ที่มีภาวะบกพร่องทางสติปัญญาประมาณร้อยละ 2 ของประชากร เช่น ออทิสติกพบได้ร้อยละ 70 ในกลุ่มดาวน์ซินโดรม เป็นต้น

เป้าหมายที่สำคัญที่สุดของการดูแลเด็กที่มีภาวะบกพร่องทางสติปัญญา จะเน้นการฟื้นฟูสมรรถภาพของสมองและร่างกาย หยุดยั้งไม่ให้ความพิการเพิ่มขึ้น เด็กสามารถพึ่งตนเองได้ใช้ชีวิตใกล้เคียงกับคนปกติที่สุดเป็นภาระครอบครัวและสังคมน้อยที่สุด

การดำเนินงานของราชานุกูล ขณะนี้มีความก้าวหน้ามากมีทีมสหวิชาชีพกระตุ้นพัฒนาการของเด็กทั้งการเคลื่อนไหว การฝึกพูด อ่าน เขียน จัดการศึกษาพิเศษทั้งรายกลุ่มและรายบุคคลเพื่อให้เด็กเข้าสู่ระบบโรงเรียนหรือด้านอาชีพที่เหมาะสม

โดยมีศูนย์ฝึกอาชีพอยู่ที่ตำบลบางพูน จ.ปทุมธานี กำลังเตรียมเปิดศูนย์ส่งเสริมพัฒนาการราชานุกูลที่แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่มอีก 1 แห่ง

ด้าน คุณหมอจ๋า แพทย์หญิงมธุรดา สุวรรณโพธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูล กทม.กล่าวว่า แผนพัฒนาปี 2562-2563 ด้านระบบบริการ จะเพิ่มเครื่องกระตุ้นระบบประสาทด้วยสนามแม่เหล็กชนิดความถี่สูง ชุดตรวจประเมินระบบประสาทสัมผัสด้วยตนตรีบำบัด

ชุดอุปกรณ์บูรณาการทำงานของระบบประสาทสัมผัสและการเคลื่อนไหว ห้องกระตุ้นพัฒนาการ ชุดกระตุ้นประสาทสัมผัสด้วยเทคนิคสนูซีเลน ( Snoezelen) และชุดศึกษาพฤติกรรมเด็กพิเศษ รวมทั้งหมดเกือบ 40 ล้านบาท

ส่วนด้านวิชาการจะวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มไอคิวเด็กและพัฒนาด้านทักษะทางอารมณ์และสังคมในกลุ่มเด็กปฐมวัย ส่วนกลุ่มเด็กวัยเรียน จะพัฒนาหลักสูตรโรงเรียนพ่อแม่เพื่อเพิ่มไอคิว อีคิว และลดปัญหาสมาธิสั้นด้วย

ขณะนี้สถาบันฯให้บริการตรวจรักษาเด็กป่วยทางจิตเวชทุกโรคในลักษณะของโรงพยาบาลกลางวัน ในรอบ 9 เดือนปีงบประมาณ 2561 มีผู้ป่วยใช้บริการเฉลี่ยเดือนละ 4,500 ครั้ง แนวโน้มเพิ่มขึ้น โรคที่พบมากอันดับ 1

ได้แก่ ออทิสติก ร้อยละ 33 รองลงมาคือภาวะบกพร่องทางสติปัญญา และพัฒนาการล่าช้า ร้อยละ 20 เท่ากัน ความผิดปกติทางทันตกรรม ร้อยละ 12 และสมาธิสั้นร้อยละ 9

ทั้งนี้ในการดูแลเด็กที่มีความผิดปกติตั้งแต่แรกเกิด เช่น เด็กที่เป็นดาวน์ซินโดรม ซึ่งเกือบร้อยละ 100 จะมีปัญหาลิ้นโต น้ำลายไหลเกือบตลอดเวลา เนื่องจากการควบคุมกล้ามเนื้อไม่ดี จะต้องได้รับการช่วยเหลือให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันการขาดสารอาหาร

โดยฝึกสอนพ่อแม่ให้นวดลิ้น นวดกล้ามเนื้อรอบปากตั้งแต่เด็กแรกเกิด จะช่วยลดปัญหานี้ได้ ให้ผลดีกว่าฝึกตอนโต และมีระบบการเยี่ยมบ้านเพื่อติดตามคุณภาพชีวิตของครอบครัวด้วย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ก.ย. อีคิวกรุ๊ป จัดค่าย STEM Camp 2024 เสริมสร้างทักษะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปูทางสู่อนาคต ณ โรงเรียนกุดชุมวิทยาคม
๒๐ ก.ย. ภาคเอกชนไทย หนุนความร่วมมือ ACMECS ขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาคเติบโตอย่างยั่งยืน
๒๐ ก.ย. Bitkub Group ร่วมงาน Kaia Square Lounge โชว์แนวคิดการขยายธุรกิจสู่ระดับภูมิภาค นงาน Korea Blockchain Week
๒๐ ก.ย. สายบุญเตรียมตัวให้พร้อม ประเพณีถือศีลกินผัก จ.ภูเก็ต เริ่ม 3-11 ตุลาคม นี้ เทศกาลแห่งการชำระจิตใจและร่างกาย ตามรอยศรัทธา
๒๐ ก.ย. การพัฒนากำลังคนสมรรถนะสูงทางด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยีระบบรางเพื่อรองรับการพัฒนาระบบขนส่งทางรางในภูมิภาคของประเทศไทยภายใต้โปรแกรมธัชวิทย์
๒๐ ก.ย. ยัวซ่า แบตเตอรี่ ปลื้มยอดขายครึ่งปีแรกพุ่ง 10% ขานรับตลาดรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ที่มีความต้องการหลากหลาย
๒๐ ก.ย. แอ็กซอลตา ถ่ายทอดความเชี่ยวชาญ มุ่งสู่ความสำเร็จด้วย แรปเตอร์ (RAPTOR) โปรเทคโค้ทกว่า 45 อู่ในโครงการกลุ่มวิริยะประกันภัย
๒๐ ก.ย. ลูนิค เรียลเอสเตท ฉลองครบรอบ 1 ปี เปิดขาย Skypark Lucean คอนโดหรูริมหาดจอมเทียนมูลค่ากว่า 4,500 ล้าน[บาท
๒๐ ก.ย. ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คงประมาณการจีดีพีปี 2567 ที่ 2.6% คาดครึ่งปีหลังเติบโตดีขึ้น แนะจับตาผลกระทบจากน้ำท่วม เศรษฐกิจชะลอ
๒๐ ก.ย. ตะเกียงน้ำหอมจาก Maison Berger Paris ตัวช่วยกำจัดกลิ่นห้องครัวที่ทุกบ้านต้องมี