มรภ.สงขลา โชว์สถิติ นศ.ครุ ขึ้นบัญชี-บรรจุ เกือบ 80% ตอกย้ำความโดดเด่นด้านผลิตครู

พุธ ๒๖ กันยายน ๒๐๑๘ ๑๖:๔๔
ครุศาสตร์ มรภ.สงขลา โชว์ศักยภาพนักศึกษา เผยตัวเลขสอบบรรจุครูคืนถิ่น-ครูผู้ช่วย-พนักงานราชการ รวมกว่า 190 คน หรือเกือบ 80% ตอกย้ำความโดดเด่นด้านการผลิตครู

ดร.มนตรี เด่นดวง คณบดีคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) เปิดเผยว่า จากการที่นักศึกษาของคณะครุศาสตร์ เข้าสมัครสอบในโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น หรือ ครูคืนถิ่น ประจำปี 2561 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อคัดเลือกคนเก่งมาเป็นครู เมื่อสำเร็จการศึกษาจะได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสำกัดสำนักงานคณะกรรมการขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และกรุงเทพมหานคร ผลปรากฏว่านักศึกษาของทางคณะฯ ผ่านการสอบและได้รับการบรรจุจำนวน 40 คน แบ่งออกเป็นโปรแกรมวิชาภาษาไทย 6 คน วิทยาศาสตร์ทั่วไป 11 คน การศึกษาปฐมวัย 4 คน คณิตศาสตร์ 9 คน และ สังคมศึกษา 10 คน

นอกจากนั้น นักศึกษาจากโปรแกรมวิชาต่างๆ ของคณะครุศาสตร์ มรภ.สงขลา ซึ่งเข้าสอบแข่งขันในตำแหน่งครูผู้ช่วย (รอบทั่วไป) ปี 2561 สามารถสอบผ่านและได้รับการขึ้นบัญชี รวม 150 คน โดยเฉพาะโปรแกรมวิชาภาษาอังกฤษ ที่สอบผ่าน 30 คน จากนักศึกษาในชั้นเรียนทั้งหมด 36 คน (คิดเป็นร้อยละ 83.33) ซึ่ง น.ส.อำไพพิชญ์ ยืนยง สอบได้ลำดับที่ 2 ประจำ จ.สตูล ภาษาไทย สอบผ่าน 30 คน (จาก 43 คน) โดย นายวิศวะ กลับกลาย สอบได้ลำดับที่ 1 จ.ปัตตานี วิทยาศาสตร์ทั่วไป สอบผ่าน 43 คน (จาก 68 คน) นายณัฐกิตติ์ เทพสุวรรณ์ สอบได้ลำดับที่ 3 จ.ตรัง ส่วนโปรแกรมวิชาการศึกษาปฐมวัย สอบผ่าน 17 คน (จาก 35 คน) โดย น.ส.นฤมล สุขเทพ สอบได้ลำดับที่ 1 จ.ปัตตานี น.ส.มารียา บุญธรรม สอบได้ลำดับที่ 1 จ.นครศรีธรรมราช และ น.ส.ศวิตา ไกรเทพ สอบได้ลำดับที่ 2 จ.ตรัง คณิตศาสตร์ สอบได้ 17 คน (จาก 26 คน) สังคมศึกษา สอบได้ 13 คน (จาก 32 คน) และนักศึกษาโปรแกรมวิชาภาษาไทย สอบได้พนักงานราชการ สอนระดับประถมที่ ร.ร.เทศบาล สิงหนคร อีก 1 คน รวมนักศึกษาที่ขึ้นบัญชีและสอบบรรจุได้ คิดเป็นร้อยละ 79.58

ดร.มนตรี กล่าวว่า คณะครุศาสตร์มีภารกิจหลักคือผลิตบัณฑิตพัฒนาครูและบุคลากรทางการ ศึกษาวิจัยทางการศึกษาบริการวิชาการแก่สังคม และสืบสานศิลปะและวัฒนธรรมไทย นอกจากนี้ ยังมีหน่วยงานอื่นๆ ที่ใช้เป็นสถานที่ฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูของนักศึกษา ได้แก่ บ้านสาธิตเด็กปฐมวัย โรงเรียนสาธิตสถาบันราชภัฏสงขลา และศูนย์การศึกษาพิเศษ ซึ่งคณะครุศาสตร์มีพัฒนาการควบคู่กับการพัฒนาการของมหาวิทยาลัยมาตั้งแต่ พ.ศ. 2462 โดยมีฐานะเป็นหมวดวิชาการศึกษาของโรงเรียนฝึกหัดครูมลฑลนครศรีธรรมราช (ตั้งอยู่ ณ จ.สงขลา) ต่อมา พ.ศ. 2482 เปลี่ยนเป็นโรงเรียนฝึกหัดครูประกาศนียบัตรจังหวัด (ว.) และย้ายมาเรียนที่ ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในปี พ.ศ. 2490 และเปลี่ยนฐานะจากโรงเรียนฝึกหัดครูประกาศนียบัตรจังหวัดเป็นโรงเรียนฝึกหัดครู

ต่อมาในปี พ.ศ. 2499 โรงเรียนฝึกหัดครูมูลสงขลา ย้ายมาอยู่ที่หมู่ที่ 4 ต.เขารูปช้าง อ.เมือง จ.สงขลา และยกฐานะเป็นวิทยาลัยครูสงขลาเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2504 ขยายชั้นเรียนในระดับ ป.กศ.สูง และรวมกิจการโรงเรียนสตรีฝึกหัดครูเข้ามาไว้ด้วยกัน ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2510 จากนั้น พ.ศ. 2518 ยกฐานะเป็นคณะวิชาครุศาสตร์ หน่วยงานระดับคณะวิชาของวิทยาลัยครูสงขลา จัดการศึกษาถึงระดับปริญญาตรี และยกเลิกคำว่าคณะวิชา เป็นคณะ และเปลี่ยนผู้บริหารคณะ จากหัวหน้าคณะวิชา เป็นคณบดี เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2538 ในปี พ.ศ. 2547 เปลี่ยนเป็นคณะครุศาสตร์ จนถึงปัจจุบัน

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๓:๐๗ ทีทีบี ครองธนาคารไทยคะแนนสูงสุดด้าน ESG ต่อเนื่องปีที่ 6 ตอกย้ำความสำเร็จบนเส้นทางสู่ การธนาคารเพื่อความยั่งยืน
๑๓:๔๐ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดคาดเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่องหนุน กนง. คงดอกเบี้ยนโยบาย
๑๓:๒๕ หมอนรองกระดูกเสื่อม สาเหตุปวดร้าวลงขา
๑๒:๕๖ กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ มองเศรษฐกิจโลก 2025 ฟื้นตัว แม้มีปัจจัยเสี่ยง ชี้ตราสารหนี้และหุ้นยังคุ้มค่าท่ามกลางความผันผวน
๑๒:๒๗ Thailand Privilege Card จับมือ ASAVA ปรับโฉมยูนิฟอร์มด้านบริการ ภายใต้คอนเซปต์ GRACE สะท้อนอัตลักษณ์ไทยร่วมสมัยสู่สากล
๑๑:๐๔ เครือสหพัฒน์ จัดสัมมนาเสริมบทบาทคณะกรรมการ ESG เดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน
๑๑:๒๖ กสิกรไทยส่งบริการมัดใจตลาดเวียดนาม กวาด 2 รางวัลใหญ่ ระดับนานาชาติ สุดยอดบัตรเครดิตใหม่และสุดยอดธนาคารแห่งใหม่เพื่อเอสเอ็มอีออนไลน์
๑๑:๕๙ 'พฤกษา' ตอกย้ำผู้นำด้านอสังหาฯ ผนึกความเชี่ยวชาญด้านการอยู่อาศัย สู่การสร้างชุมชนสุขภาพดี มอบสิทธิพิเศษ และโครงการดูแลสุขภาพลูกบ้านตลอดปี
๑๑:๒๓ TFG ติดปีก! ปี 67 กำไรพุ่งแตะ 3,143.81 ลบ. เพิ่มขึ้น 486.93%
๑๑:๑๖ SO ตอบแทนผู้ถือหุ้นโดยจ่ายปันผล 85% ของกำไร หรือ 0.18 บาท/หุ้น กวาดกำไรปี 67 กว่า 153 ล้านบาท