บอร์ด NFC ไฟเขียวสยายปีกสู่ธุรกิจขนส่งปิโตรฯ ทุ่ม 801 ลบ. เทกฯ“เอส ซี แคริเออร์”/รับรู้รายได้ทันที แจกวอร์แรนต์ในอัตรา 10:1

พุธ ๐๓ ตุลาคม ๒๐๑๘ ๑๑:๕๒
NFC เปิดเกมรุก! เตรียมโชว์ฟอร์มเป็นผู้นำธุรกิจโลจิสติกส์ บอร์ดอนุมัติทุ่มเงินกว่า 801 ล้านบาท เทกโอเวอร์ "เอส ซี แคริเออร์" ผู้ให้บริการขนส่งปิโตรฯ หวังต่อยอดธุรกิจ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต คาดปิดดีลภายในสิ้นปีนี้ พร้อมแจกวอร์แรนต์ (NFC-W1) ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นของขวัญก่อนปีใหม่ ในอัตรา 10 หุ้นสามัญต่อ 1

นายกิจจา สมัญญาหิรัญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบริหารองค์กรบริษัท เอ็นเอฟซี จำกัด (มหาชน) (NFC) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2561 มีมติอนุมัติเข้าซื้อหุ้นสามัญ 4,500,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 100 ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัท เอส ซี แคริเออร์ จำกัด (SCC) ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งทางบกประเภทวัตถุอันตรายในกลุ่มปิโตรเลียมและเคมีภัณฑ์ จากผู้ถือหุ้นเดิมของ SCC ในราคาหุ้นละ 178 บาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 801 ล้านบาท ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นเดิมของ SCC 2 ราย ได้แก่ บริษัท เอส ซี ออโต โลจิสติกส์ จำกัด (SCA) และบริษัท เอส ซี ออฟชอร์ เซอร์วิส จำกัด (SCOS) ซึ่งถือหุ้นรวมกันในสัดส่วนร้อยละ 99.99 ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของ SCC เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันกับบริษัท

ปัจจุบัน SCA มีนายณัฐภพ รัตนสุวรรณทวี ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในสัดส่วนร้อยละ 63.46 เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้งทางตรงและทางอ้อมในสัดส่วนร้อยละ 93.90 และมีกรรมการร่วมกันกับบริษัท ได้แก่ นายณัฐภพ รัตนสุวรรณทวี นายณัฐพงษ์ รัตนสุวรรณทวี และนางบงกช รุ่งกรไพศาล

ส่วน SCOS มีนายณัฐภพ รัตนสุวรรณทวี ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในสัดส่วนร้อยละ 63.46 เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วนร้อยละ 97.67 และมีกรรมการร่วมกันกับบริษัท ได้แก่ นายณัฐภพ รัตนสุวรรณทวี นายณัฐพงษ์ รัตนสุวรรณทวี และ นางบงกช รุ่งกรไพศาล คาดว่าจะดำเนินการได้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2561 โดยเงินที่ใช้สำหรับการลงทุนในครั้งนี้มาจากเงินทุนหมุนเวียนและกู้ยืมจากสถาบันการเงิน

นอกจากนี้ ยังอนุมัติการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 1 (NFC-W1) จำนวนไม่เกิน 108,783,306 หน่วย ให้แก่ ผู้ถือหุ้นของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ในอัตราส่วน 10:1 โดยใบสำคัญแสดงสิทธิมีอายุ 3 ปี และใช้สิทธิปีละ 2 ครั้ง ในราคาการใช้สิทธิ 6.50 บาท ต่อหุ้น

ขณะเดียวกันยังมีมติอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท 81,587,480 บาท จากเดิม 815,874,792 บาท เป็น 897,462,272 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่จำนวน 108,783,306 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.75 บาท

ทั้งนี้ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2561 (Record Date) ในวันที่ 17 ตุลาคม 2561 และจัดให้มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2561 ในวันพุธที่ 21 พฤศจิกายน 2561

"มั่นใจว่าการเข้าลงทุนใน SCC ในครั้งนี้ จะช่วยให้บริษัทฯขยายสู่การให้บริการด้านโลจิสติกส์ได้อย่างครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การให้บริการท่าเทียบเรือ คลังสินค้าเหลว จนถึงการให้บริการขนส่งสินค้าเหลว ซึ่งจะดำเนินการโดย SCC เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกและรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ โดยมีฐานการผลิตส่วนใหญ่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งถือเป็นการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของบริษัทในระยะยาว"

นายกิจจา กล่าวอีกว่าภายหลังการเข้าทำรายการในครั้งนี้ SCC จะมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของ NFC โดยบริษัทจะสามารถรับรู้รายได้จากการให้บริการขนส่งสินค้าของ SCC ได้โดยทันที ซึ่งในการจัดทำงบการเงินของบริษัทจะสะท้อนภาพรวมของฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของทั้งบริษัทและ SCC ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้ที่สูงขึ้นและมีกระแสเงินสดและสภาพคล่องที่ดีขึ้น ส่งผลดีต่อการลงทุนพัฒนาโครงการอื่นของบริษัทในอนาคต

อนึ่ง SCC ได้เริ่มให้บริการขนส่งก๊าซธรรมชาติและก๊าซปิโตรเลียมเหลว ตั้งแต่ปี 2539 ด้วยการบริหารจัดการงานขนส่งภายใต้มาตรฐานสากลและการมุ่งเน้นด้านความปลอดภัยอย่างสูงสุด ทำให้ SCC ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าซึ่งเป็นบริษัทพลังงานชั้นนำรายใหญ่ของประเทศ อาทิ ปตท. , Shell และ Esso อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561 SCC เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 8 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี กำแพงเพชร ลำปาง สระบุรี ปทุมธานี เชียงราย และราชบุรี เนื้อที่รวม 78 ไร่ 3 งาน 14 ตารางวา นอกจากนี้ SCC ยังถือสิทธิการเช่าที่ดินอีก 7 แห่ง เนื้อที่รวม 48 ไร่ 0 งาน 6 ตารางวา ซึ่งใช้เป็นจุดจอดพักรถ ศูนย์ปฏิบัติการ และศูนย์ซ่อมบำรุงรักษารถขนส่ง

นอกจากนี้ ยังมียานพาหนะสำหรับให้บริการขนส่งทางบกประเภทวัตถุอันตราย ในกลุ่มปิโตรเลียมและเคมีภัณฑ์ประกอบด้วย รถหัวลาก หางเทรลเลอร์ และหางแท็งค์สำหรับบรรทุกของเหลว จำนวนรวม 814 คัน ซึ่งผู้ประเมินมูลค่าทรัพย์สิน ได้ประเมินว่าทรัพย์สินดังกล่าวอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และมีการดูแลรักษาอย่างดี โดยมีมูลค่าตามบัญชี ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561 รวม 930 ล้านบาท และมูลค่ายุติธรรมรวม 1,581 ล้านบาท

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version