รศ.นพ.สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า ภารกิจของรัฐบาล คือต้องการปฏิรูปประเทศ เพื่อเปลี่ยนผ่านประเทศไทยให้มีความพร้อมไปสู่ศตวรรษที่ 21 ซึ่งกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วทน.) ถือเป็นกระทรวงที่มีความสำคัญในการเปลี่ยนผ่านประเทศ โดยมีตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ 2 เรื่องหลัก คือ การพัฒนาคน และเทคโนโลยี พร้อมทั้งนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการขับเคลื่อนโมเดลประเทศไทย 4.0 (Thailand 4.0) โดยวทน. มุ่งเน้นการดำเนินงานที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย เน้นการสร้างแรงจูงใจในเส้นทางอาชีต และสุดท้ายจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ พร้อมทั้งต้องมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในเชิงลึกอย่างถึงที่สุด เปลี่ยนมุมมองจาก "Something in Everything" เป็น "Everything in Something" โดยมีการติดตามเทคโนโลยีให้เท่าทันโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ร่วมดำเนินการหรือถ่ายทอดเทคโนโลยีโดยเฉพาะเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีคือเรื่องสำคัญ ที่ไม่ไกลตัว และจำเป็นอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนประเทศของเรา
ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ตัวแทนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยว่า "ตลาดดิจิทัลของประเทศในกลุ่มภูมิภาคอาเซียน คาดว่าจะมีการเติบโตมากกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2025 เพิ่มขึ้นถึงหกเท่า เมื่อเทียบกับมูลค่าตลาดในปี 2015 ซึ่งมีมูลค่า 31,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เห็นว่าตลาดอาเซียนมีความสำคัญอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล สำหรับประเทศไทย ถือว่าเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศอาเซียน และมีความสำคัญในตลาดดิจิทัล โดยมีการใช้จ่ายในด้านไอทีสูงถึง 12,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2017 และคาดการณ์ว่าจะโตขึ้นอีกประมาณ 30,000 ล้านภายในปี 2020 ดังนั้นกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จึงได้ให้การสนับสนุนการจัดงาน CEBIT ASEAN Thailand 2018 เพื่อให้งานนี้เป็นแหล่งรวบรวมเทคโนโลยี ดิจิทัล และผู้เชี่ยวชาญจากทั้งภาครัฐ และเอกชน ทั้งยังเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนความรู้และเจรจาธุรกิจเพื่อเตรียมความพร้อมรับการปฏิรูปเศรษฐกิจไปสู่เศรษฐกิจแบบดิจิทัลอย่างเต็มตัว"
ผศ.ดร.สุรพงษ์ เลิศสิทธิชัย ผู้เชี่ยวชาญงานพิเศษ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กล่าวว่า "ในยุคปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัลมีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมในทุกภาคส่วน แต่ประเทศไทยยังไม่สามารถก้าวตามได้ทันท่วงที และมีความล่าช้าอยู่ จำเป็นที่จะต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาวะเศรษฐกิจดิจิทัล โดยในปี 2017 มีการลงทุนจากต่างชาติในอุตสาหกรรมดิจิทัลของประเทศไทย มูลค่า 642 ล้านบาท มีบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศน์ 386,300 คน และมีกลุ่มนักลงทุน startup มากกว่า 90 บริษัท สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล จึงได้ให้การสนับสนุนและร่วมพัฒนาใน เมกะโปรเจค ได้แก่ ดิจิทัลพาร์ค, สถาบัน IoT, สมาร์ทซิตี้, สมาร์ท อีอีซี, งานดิจิทัลไทยแลนด์บิ๊กแบง รวมถึงงาน CEBIT ASEAN เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศ ภายใต้นโยบายรัฐ Thailand 4.0"
ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า "ภายใต้นโยบาย Thailand 4.0 ได้นำมาซึ่งการพลิกโฉมและเปลี่ยนแปลงให้ประเทศไทยพัฒนาขึ้นไปสู่รูปแบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนวัตกรรม แทนที่จะเป็นเพียงประเทศที่มีอัตราค่าแรงงานราคาถูก โดยทางสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติมีบทบาทสำคัญในการผลักดันนวัตกรรมแห่งชาติ โดยการร่วมสร้างเครือข่าย การส่งเสริมและการเป็นพันธมิตรกับองค์กรต่างๆมุ่งเน้นการใช้การจัดการความรู้เพื่อให้เกิดนวัตกรรม การร่วมมือกับ CEBIT ASEAN THAILAND ในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการตอบโจทย์การพัฒนา และนโยบายของทางรัฐบาล เนื่องจากรัฐบาลไทยมุ่งเน้นที่จะพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลของภูมิภาค"
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการของสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า "ทีเส็บมีความภูมิใจที่ได้ร่วมกับ ดอชเช่อ เมสเซ่ เอจี และบริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเมนท์ จำกัด นำงาน CEBIT ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล อันดับ 1 ของโลก มาจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ภายใต้ชื่อ CEBIT ASEAN Thailand 2018 ซึ่งนอกจากจะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมแสดงสินค้าของไทยแล้ว ยังมีส่วนส่งเสริมความสำเร็จของนโยบาย ไทยแลนด์ 4.0 เพื่อรากฐานใหม่ของประเทศอีกด้วย
มร.ลอย จุน ฮาว ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า "การจัดงาน CEBIT ASEAN ถือได้ว่าเป็นโอกาสอันดี สำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลในประเทศไทย ที่จะได้รวบรวมบุคคลากรที่อยู่ในอุตสาหกรรมมาร่วมจัดแสดงสินค้าและเทคโนโลยีจากกว่า 200 บริษัท รวมถึงสัมมนาวิชาการด้านเทคโนโลยีจากบริษัท เอ็นทีที คอมมิวนิเคชั่นส์ ผู้ให้บริการคำปรึกษา สถาปัตยกรรม ความปลอดภัยของข้อมูล และบริการคลาวด์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารขององค์กร และการประชุมเรื่อง การปฏิรูปแรงงานในยุคดิจิทัล โดยดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เป็นต้น เพื่อรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมในระดับตลาดท้องถิ่น ตลาดภูมิภาค และตลาดโลก ซึ่งสินค้าที่จัดแสดงครอบคลุม 6 กลุ่มเทคโนโลยีที่คือ
- การสื่อสาร โครงสร้างระบบเครือข่าย และความปลอดภัย
- ข้อมูลและระบบคลาวด์
- ตัวช่วยทางธุรกิจ
- อุปกรณ์ต่อพ่วง และอุปกรณ์เสริม
- IOT และเทคโนโลยีอัฉริยะ
- เทคโนโลยีใหม่ เช่น AR/VR/UAV/วิทยาการหุ่นยนต์/การพิมพ์ 3 มิติ
ทั้งนี้ตลอด 3 วันการจัดงานคาดว่าจะมีผู้ที่สนใจเข้าร่วมชมงานกว่า 8,000 ราย สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.cebitasean.com
เกี่ยวกับผู้จัดงาน
บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด
อิมแพ็ค เป็นผู้นำในการจัดงานแสดงสินค้าในประเทศไทย ทั้งยังเป็นผู้ให้บริการสถานที่ ที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อิมแพ็คจัดงานและบริหารงานทั้งในรูปแบบงานแสดงสินค้าเพื่อการเจรจาธุรกิจ งานแสดงสินค้าทั่วไป งานประชุมเชิงวิชาการ งานประชุม และการจัดการฝึกอบรม ทั้งยังทำงานร่วมกับสมาคมการค้าระหว่างประเทศ และองค์กรต่างๆจากทั่วทุกภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้เรายังได้สร้างโครงสร้างการทำการตลาดที่มีประสิทธิภาพและครอบคลุมทุกขั้นตอนของการจัดงาน ตั้งแต่การวิจัยตลาด การทำแผนประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ร่วมออกแสดงงานและผู้เข้าชมงาน แผนส่งเสริมการขายและการทำโปรโมชั่น การประชาสัมพันธ์ การดูแลประสานงานหน้างานทั้งการจัดงานแสดงนิทรรศการ การประชุม ในทุกรูปแบบและทุกอุตสาหกรรม
ปี 2560 ถือเป็นการครบรอบการก่อตั้ง 70 ปีของ ดอชเช่อ เมสเซ่ เอจีซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2490 ด้วยการจัดงานแสดงสินค้าส่งออกของประเทศเยอรมันเป็นครั้งแรกของโลกเจ็ดทศวรรษต่อมาดอชเช่อ เมสเซ่ เอจีได้รับเลือกให้เป็นออแกไนเซอร์ระดับโลกในการจัดงานแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจ โดยมีการจัดงานต่างๆอีกมากมายในประเทศเยอรมันและทั่วโลก ด้วยรายได้กว่ามากกว่าสามร้อยล้านยูโร ในปี 2559 ดอชเช่อ เมสเซ่ เอจีติดหนึ่งในห้าของบริษัทผู้จัดงานแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมันและมีพนักงานมากกว่า 1,200 คน รวมไปถึงเครือข่ายพันธมิตรในการขาย 58 ราย ใน 100 ประเทศทั่วโลก