นอกจากนี้ยังมีสินค้าสำเร็จรูปบางรายการมีการปรับเพิ่มการคืนภาษีส่งออกเช่นกัน เช่น สินค้ากลุ่มตะปูปรับเพิ่มการคืนภาษีเป็น 9% หรือสินค้ากลุ่มสิ่งก่อสร้าง เช่น สะพาน และส่วนของสะพาน หรือ อุปกรณ์สำหรับนั่งร้าน เสาค้ำหรือสิ่งค้ำยันในการก่อสร้าง ปรับเพิ่มการคืนภาษีเป็น 13% ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการอุดหนุนการส่งออกที่ไม่เป็นธรรม และถ้าสินค้าดังกล่าวอาศัยการคืนภาษีส่งออกเพิ่มปริมาณมายังประเทศไทยก็อาจทำลายห่วงโซ่การผลิตสินค้านั้นในประเทศไทย โดยการปรับเพิ่มอัตราการคืนภาษีส่งออกดังกล่าว มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. 61
นายวิกรม วัชระคุปต์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเปิดให้ความเห็นว่าควรเร่งรัดการกำหนดมาตรการที่ป้องกันปัญหาการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมเหล่านี้ให้หมดสิ้นไป ซึ่งหากประเทศใดไม่มีมาตรการป้องกันการค้าที่ไม่เป็นธรรมที่แข็งแรงพอก็จะมีความเสี่ยงสูงที่สินค้าจากจีนจะไหลทะลักเข้ามายังประเทศของตนได้ และสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่ออุตสาหกรรมผู้ผลิตในประเทศได้