บลจ.ทาลิส แนะจัดพอร์ตลงทุนหุ้นไทยเชิงรุก 70% มองปัจจัยบวกสนับสนุนจากความชัดเจนทางการเลือกตั้ง-ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน

พฤหัส ๐๔ ตุลาคม ๒๐๑๘ ๑๖:๓๐
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทาลิส จำกัด ประเมินสถานการณ์การลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงไตรมาสสุดท้ายยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากแรงสนับสนุนในเชิงปัจจัยพื้นฐานของปีนี้ เรื่องผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่คาดว่าจะเติบโต 10-12%ในปีนี้ ซึ่งถือว่าอยู่ในอัตราการเติบโตที่ดีกว่าปีก่อนที่ 9%

รวมถึง ที่จะมีการประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนออกมาประมาณสัปดาห์ที่ 2 ในเดือนตุลาคม โดยภาพรวมคาดว่าจะเติบโตอยู่ในระดับ15% ขึ้นไป ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างดี หากเปรียบเทียบกับในสองไตรมาสที่ผ่านมา โดยในช่วงครึ่งปีแรกผลประกอบการเติบโตที่ประมาณ 10%

นายประภาสกล่าวว่า ปัจจัยบวกที่ถือว่ามีส่วนสนับสนุนสถานการณ์การลงทุนของตลาดหุ้นไทย คือเรื่องของการเลือกตั้ง ภายหลังจากราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สว.และ สส. พ.ศ. 2561 ในวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา ทำให้การเลือกตั้งมีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งถือเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ตลาดหุ้นเริ่มมีการตอบสนองในเชิงบวก เพราะหากดูข้อมูลย้อนหลังจากการเลือกตั้งใน 5 รอบ ที่ผ่านมา จะมีเพียงหนึ่งรอบเท่านั้นที่ก่อนการเลือกตั้ง 6 เดือน ตลาดหุ้นมีการปรับตัวลดลง แต่นอกนั้นทุกรอบที่มีการเลือกตั้ง ก่อนหน้าการเลือกตั้ง 6 เดือน ดัชนีตลาดหุ้นจะมีการปรับตัวขึ้นอยู่ที่ประมาณ 10-18%หรือสรุปได้ว่า ใน 5 รอบดัชนีจะมีการบวก 4 รอบและติดลบ 1 รอบ

"ส่วนตัวมองว่าเศรษฐกิจของไทยตอนนี้อยู่ในช่วงทิศทางขาขึ้น ดังนั้น ช่วงเวลา 6 เดือนนับจากนี้ ถ้ามองว่าวันเลือกตั้งคือ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ช่วงระยะเวลา 6เดือน ก่อนเลือกตั้งคือ 24 สิงหาคม 2561 – 24 กุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งหากไปดูสถิติย้อนหลังในอดีตตลาดจะบวก 18% ดังนั้น หากดูช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 24สิงหาคม จนถึงช่วงระยะนี้หุ้นได้บวกขึ้นมาประมาณ 3% แล้ว จึงมีความเป็นไปได้ที่ตลาดหุ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้จะ ยังคงได้รับปัจจัยเชิงบวกในเรื่องของฤดูกาลการเลือกตั้ง รวมถึงเรื่องของผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และตัวเลข GDP ที่จะประกาศออกมาในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ประมาณที่ 4.5%" นายประภาสกล่าว

สำหรับปัจจัยที่ยังคงต้องจับตามองคือ ประเด็นเรื่องการกีดกันการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความกังวลใจและกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุนค่อนข้างมากในช่วงไตรมาสที่ 2 ต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาสที่ 3 ในแง่ของพัฒนาการของสถานการณ์ ถือว่าไม่ได้ลดความร้อนแรงลงแต่อย่างใด เพียงแต่สิ่งที่เกิดขึ้นน้อยกว่าที่ตลาดเคยประเมินไว้ อย่างในเรื่องของการขึ้นภาษี 25% ในทันที ก็กลายเป็นแค่ 10% และขึ้นเป็น 25% ในช่วงต้นปีหน้า และการตอบโต้ของจีนที่เคยบอกว่าจะมีการเพิ่มภาษีที่ 25% ก็กลับกลายเป็นว่าเพิ่มเพียง 5-10% และไม่มีสองเฟสตามที่เคยกล่าวไว้ ซึ่งถือเป็นการตอบโต้น้อยกว่าในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ปัจจัยนี้จึงทำให้ผู้ลงทุนมีความสบายใจขึ้น แต่ประเด็นนี้ก็ยังคงมีความยืดเยื้ออีกพอสมควร เนื่องจากเป็นรูปแบบการเจรจาของแต่ละฝ่ายที่ยังคงต้องติดตามกันต่อไป

"บลจ.ทาลิสประเมินปัจจัยลบภายนอกค่อนข้างจะหนักหน่วงโดยคาดว่าจะเบาบางลงในเชิงของความเสี่ยง แต่ปัจจัยบวกภายในประเทศก็น่าจะเป็นข่าวดี เป็นแรงสนับสนุนกระตุ้นให้ตลาดเติบโตขึ้นได้เรื่อยๆ สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาแกว่งตัวไปในทิศทางขาลง และมีการปรับตัวดีขึ้นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ในส่วนที่เหลือของปีนี้จนต่อเนื่องไปถึงช่วงของการเลือกตั้ง และถึงแม้ว่าตลาดจะมีการปรับตัวขึ้น แต่คงเป็นการปรับตัวขึ้นแบบปรับฐานเป็นรอบ ๆ ซึ่งในระยะยาว เวลาที่ตลาดหุ้นมีการปรับตัวร้อนแรงก็มักจะมีผลต่อการปรับตัวในอนาคต เช่นเดียวกับในรอบปีนี้ที่ดัชนีจาก 1,850 จุด ปรับลงมาที่ 1,600 จุด ซึ่งยังมีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกในช่วงเวลา 1-2 ปีข้างหน้า" นายประภาสกล่าว

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เช่นนี้ถือเป็นโอกาสดี ในการจัดน้ำหนักการลงทุนของพอร์ต ที่จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นให้อยู่ในระดับเชิงรุก โดยประมาณ 60-70% ของพอร์ตในกรอบการลงทุนช่วง 6-12 เดือนข้างหน้านี้ คาดว่าจะเป็นกลยุทธ์ที่สร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งบลจ.ทาลิส มีกองทุนที่ตอบโจทย์สถานการณ์การลงทุนในช่วงนี้ ได้แก่ กองทุนเปิดทาลิส เฟล็กซิเบิ้ล (TALIS Flexible Fund) – TLFLEX ซึ่งเป็นกองที่จะดูแลเรื่องความผันผวนของตลาด เพราะมีนโยบายกระจายเงินลงทุนของกองทุนในตราสารทุน และตราสารหนี้ โดยกองทุนจะพิจารณาปรับสัดส่วนการลงทุนในหลักทรัพย์แต่ละ ประเภทในสัดส่วนตั้งแต่ร้อยละ 0 ถึงร้อยละ 100 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนและตามความเหมาะสมกับสภาวการณ์และสภาพตลาดในแต่ละขณะ ทั้งนี้ การลงทุนในกองทุนรวมตราสารแห่งทุนอาจมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-015-0222 / www.talisam.co.th

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO