นายหวัง วนาไพรสณฑ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ็พพลาย ดีบี จำกัด (มหาชน) ผู้นำการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กาวและยาแนว และผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ อาทิ ADB DB SPARKO และรับจ้างผลิต เปิดเผยว่า ขณะนี้การก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ (โรงงาน 4) ซึ่งตั้งอยู่ภายในพื้นที่โครงการบางปู แฟคตอรี่ แลนด์ จังหวัดสมุทรปราการ มีความคืบหน้าเป็นที่น่าพอใจ โดยตั้งเป้าว่าจะเริ่มเดินเครื่องจักรเฟสแรกเพื่อผลิตสินค้าในเดือนพฤศจิกายนนี้ และจะเริ่มทยอยส่งมอบสินค้าที่ผลิตเพื่อรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/62 เป็นต้นไป โดยโรงงานแห่งใหม่เมื่อแล้วเสร็จจะต่อยอดการผลิตสินค้ากลุ่มกาวและยาแนว ที่จะช่วยผลักดันยอดขายให้เติบโตและเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น โดยแบ่งเป็นการผลิตสินค้าใหม่ ได้แก่ 1.ผลิตภัณฑ์ซิลิโคนยาแนว และ 2.ผลิตภัณฑ์โมดิฟายซิลิโคนพอลิเมอร์สำหรับยาแนว และเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าเดิม ได้แก่ 1.อะคริลิกยาแนว และ 2.กาวแทนตะปู
สำหรับการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ แบ่งการติดตั้งเครื่องจักรเป็น 3 เฟส ซึ่งจะมีกำลังการผลิตสินค้ากลุ่มยาแนวรวม 1,200 ตันต่อปี ใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 250 ล้านบาท ซึ่งเงินทุนส่วนหนึ่งมาจากการระดมทุนในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยการติดตั้งเครื่องจักรเฟสแรกที่ตั้งเป้าเริ่มผลิตสินค้าในเดือนพฤศจิกายนนี้ จะมีกำลังการผลิตติดตั้ง 500 ตันต่อเดือน เพื่อผลิตสินค้าประเภทซิลิโคนยาแนวสำเร็จรูป (Silicone sealant compound) ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการในตลาดเพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกให้แก่ลูกค้ารายใหญ่ที่เป็นกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม จำหน่ายภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ และรับจ้างผลิตภายใต้แบรนด์ของลูกค้า (OEM)
ส่วนการติดตั้งเครื่องจักรในเฟส 2 จะแล้วเสร็จในปี 2562 เพิ่มกำลังการผลิตอีก 500 ตันต่อปี เพื่อผลิตสินค้าประเภทซิลิโคนยาแนวและโมดิฟายซิลิโคนพอลิเมอร์สำหรับยาแนว อย่างไรก็ตามอาจจะมีการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและภาพรวมความต้องการใช้สินค้าอีกครั้ง เพื่อติดตามสถานการณ์และแนวโน้มของตลาด ปรับแผนผลิตสินค้าใหม่ๆ ตามความต้องการของตลาดและลูกค้า ขณะที่การติดตั้งเครื่องจักรเฟส 3 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2563 จะมีกำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มขึ้นอีก200 ตันต่อเดือน
"เราต้องการขยายกำลังการผลิตสินค้ากลุ่มกาวและยาแนวเพื่อต่อยอดสร้างการเติบโตให้แก่บริษัทฯ โดยการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดี และขยายฐานลูกค้าเดิมที่อยู่ในทวีปเอเชียและทวีปแอฟริกา ที่ยังมีความต้องการใช้สินค้าอีกเป็นจำนวนมาก รวมถึงจะสร้างแบรนด์สินค้าของบริษัทฯ ให้เป็นที่รู้จักมายิ่งขึ้น โดยประเมินว่าจากความต้องการใช้สินค้าในปัจจุบัน หลังจากเริ่มการผลิตในเฟสแรกแล้วจะสามารถใช้อัตราการเดินเครื่องจักรในระดับ 70% ได้ภายในปี 2562 " นายหวัง กล่าว