นายนพดล วิเชียรเกื้อ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์' หรือ CPT ผู้ให้บริการระบบไฟฟ้ากำลังสำหรับควบคุมการทำงานของเครื่องจักร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถเชิงการแข่งขันแก่ภาคอุตสาหกรรม ครอบคลุมถึงการจำหน่ายอุปกรณ์ มอเตอร์ขนาดใหญ่และระบบควบคุมไฟฟ้าที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงให้บริการติดตั้งและก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย (ซึ่งแตกต่างจากผู้ผลิตตู้ไฟฟ้ารายอื่น)เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี2562 คาดว่าจะเติบโต 20% สูงสุดในรอบ 5 ปี จากปัจจัยเศรษฐกิจภายในประเทศที่ขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง ที่ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของภาคเอกชนที่มีต่อการลงทุนเพิ่มขึ้น จึงเป็นโอกาสของบริษัทฯ ในการเข้าไปรับงานจากลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าหลักอย่าง ผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาลทรายที่จะมีโรงงานแห่งใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีก 4 โรง รวมถึงการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจ ทำให้บริษัทฯ สามารถนำเสนอสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ได้แก่ งานออกแบบและจัดหาตู้ควบคุมเครื่องจักรสำหรับกระบวนการผลิต การติดตั้งตู้ไฟฟ้ากำลังระดับแรงดันปานกลางและตู้จ่ายไฟฟ้าระดับแรงดันต่ำ เพื่อเข้ามาช่วยยกระดับความสามารถและสร้างความมั่นคงด้านการผลิตให้แก่ผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม
"ในปี 62 จะเป็นปีที่ดีมากของ CPT ในการรุกขยายธุรกิจจากปัจจัยทั้งด้านการลงทุนของภาคอุตสาหกรรมเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงขีดความสามารถการแข่งขันของเราที่เพิ่มขึ้น จากการเปิดโรงงานแห่งใหม่เพื่อผลิตตู้ไฟฟ้ามาตรฐานระดับโลก (Metal-Clad Switchgear) หลังจากนั้นจะดำเนินการติดตั้งเครื่องจักรและคาดว่าจะสามารถดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในต้นปี 2562 ทำให้เราสามารถขยายฐานลูกค้ารายใหม่ๆ เพิ่มเติมอีกด้วย" นายนพดล กล่าว
นายมนต์ชัย ธัญธเนส ดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ (ฝ่ายขายและวิศวกรรม) CPT กล่าวว่า บริษัทฯยังรุกขยายธุรกิจในการนำเสนอสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทั้งภาคเอกชนและกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับภาวะเศรษฐกิจขยายตัวได้ดี โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างยื่นประมูลงานต่างๆ รวมมูลค่าโครงการอีกกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มมูลค่างานในมือจากปัจจุบันที่มีมูลค่างาน 500ล้านบาทที่จะทยอยรับรู้รายได้บางส่วนในปีนี้และส่วนใหญ่จะทยอยรับรู้ในปีถัดไป จึงจะช่วยผลักดันให้ CPT มีผลประกอบการในปี 62 ที่ดีขึ้น
ส่วนการขยายธุรกิจในตลาดต่างประเทศ หลังจากได้ตั้งสำนักงานขายในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซีย เวียดนามและฟิลิปปินส์ ที่จะทำให้ CPT สามารถเข้าไปขยายฐานลูกค้ายังกลุ่มโรงงานน้ำตาลในประเทศดังกล่าวได้เพิ่มเติม รวมถึงการขยายฐานลูกค้าไปยังอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ เหล็กและกระดาษ ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้จากตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 600 ล้านบาทจากปีนี้ที่คาดว่าจะทำได้ 200 ล้านบาท
ขณะที่แนวโน้มผลงานในปี 2561 อาจไม่เป็นไปตามเป้าหมายจากที่ตั้งไว้จะเติบโต 10% ซึ่งเป็นผลมาจากกลุ่มลูกค้าภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ได้เลื่อนประมูลงานไปในปีถัดไป เนื่องจากรอความชัดเจนการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจโดยจะเร่งเข้าไปหางานใหม่ๆ เพิ่มเติมจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต่างๆ เพิ่มเติม