ดร.กิติพงค์ พร้อมวงค์ เลขาธิการ สวทน. เปิดเผยถึงการเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่น ในครั้งนี้ว่า ได้รับเชิญจากธนาคารซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น ในการเยือนสำนักงานใหญ่ของธนาคาร เพื่อพบปะแลกเปลี่ยนกับผู้บริหารระดับสูงของธนาคาร และนักลงทุนญี่ปุ่นกว่า 250 คน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดึงดูดนักลงทุนญี่ปุ่นให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย และสนับสนุนนักลงทุนรายเดิมที่มีการลงทุนในประเทศไทยอยู่แล้ว ผ่านการเผยแพร่โครงการการพัฒนากำลังคนที่รัฐบาลไทยให้การสนับสนุน อย่างโครงการบูรณาการการเรียนรู้กับการทำงาน (Work-integrated Learning: WiL) ในรูปแบบ "โรงเรียนในโรงงาน" และ โครงการนวัตกรรมเพื่ออุตสาหกรรม (Research Development and Industrialization)
"จากการพบปะกับนักลงทุนญี่ปุ่นครั้งนี้ทำให้ทราบว่า บริษัทที่สนใจจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยส่วนใหญ่ยังมีความกังวลในเรื่องอัตราภาษี ซึ่งในเรื่องนี้ ทางบีโอไอได้ชี้แจงทำความเข้าใจถึงรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ ในการเข้ามาลงทุน รวมถึงชี้แจงเรื่องอัตราภาษีและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ผู้ลงทุนจะได้รับ ส่วน สวทน. ได้เข้าไปให้ความรู้และอธิบายรายละเอียดของโครงการด้านการพัฒนาและจัดหากำลังคน ซึ่งรวมถึงแรงงานคนในทุกระดับ ตั้งแต่ขั้นปฏิบัติการ วิศวกร จนถึงนักค้นคว้าวิจัย โดยผ่านเครือข่ายของ สวทน. ที่ดำเนินการร่วมกับมหาวิทยาลัย และโรงเรียนอาชีวะทั่วประเทศ รวมถึงได้แนะนำผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางให้แก่นักลงทุน เพื่อดึงดูดและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนญี่ปุ่นให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะ SME ของญี่ปุ่น" ดร.กิติพงค์ กล่าว
นอกจากการพบปะนักลงทุนญี่ปุ่นแล้ว สวทน. และบีโอไอ ยังมีโอกาสได้เยี่ยมชมศูนย์หุ่นยนต์ที่เมืองซาฮามิฮาร่า ซึ่งจัดสร้างขึ้นจากส่งเสริมของภาครัฐ ตั้งอยู่ในจังหวัดคานางาว่า และยังได้พบปะกลุ่มบริษัทเอกชนผู้ผลิตหุ่นยนต์จำนวน 5 บริษัท โดยในการเยี่ยมชมครั้งนี้ ได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ในด้านอุตสาหกรรมไฮเทคแบบ one on one กับกลุ่มผู้ผลิตฯ ซึ่งทั้งหมดถือเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายด้วย ทั้งนี้ เมืองซาฮามิฮาร่านั้นได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีอุตสาหกรรมหุ่นยนต์สนับสนุนกิจกรรมภายในประเทศญี่ปุ่นอย่างกว้างขวาง ทาง สวทน. และบีโอไอ จึงคาดหวังที่จะใช้ตัวอย่างจากเมืองซาฮามิฮาร่า เป็นเมืองต้นแบบเพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมภายในประเทศไทยด้วย