นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ผลการดำเนินงานของธนาคารและบริษัทย่อยในไตรมาส 3 ปี 2561 ยังคงแข็งแกร่ง และเติบโตขึ้นแบบ Y-Y เป็นไตรมาสที่ 15 โดยธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 3,540 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสนี้ธนาคารมีภาระภาษีเพิ่มขึ้น เพราะสิทธิประโยชน์ทางภาษีของธนาคารได้หมดไปตั้งแต่ไตรมาสก่อน ดังนั้น หากพิจารณากำไรก่อนภาษีเงินได้ ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรก่อนภาษีเงินได้ในไตรมาสนี้เท่ากับ 4,649 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.06% Q-Q และเพิ่มขึ้นถึง 18.93% Y-Y"
"สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2561 ธนาคารธนชาตและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 11,140 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.91% Y-Y ในขณะที่งวด 9 เดือน ปีนี้ ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรก่อนภาษีเงินได้จำนวน 13,326 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 18.53% Y-Y ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากความสำเร็จในการดำเนินกลยุทธ์ของธนาคาร ด้วยการสร้างการเติบโตในธุรกิจหลักอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น จากการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ ซึ่งเติบโต 5.33% Y-Y เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้นจากฐานรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ ประกอบกับการลดลงของค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานจากการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ"
"การดำเนินกลยุทธ์ของธนาคารด้วยการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centricity) นั้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ซึ่งการให้ความสำคัญกับลูกค้ามาเป็นอันดับ 1 นี้ทำให้เราทราบความต้องการของลูกค้า และพัฒนาในด้านต่าง ๆ เพื่อสร้างสรรค์ และออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในการรับบริการต่าง ๆ จากธนชาต จนทำให้ธนาคารสามารถสร้างฐานะทางการเงินเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ส่งมอบผลการดำเนินงานที่มั่นคงอย่างต่อเนื่องให้กับผู้ถือหุ้น อีกทั้งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทริสเรทติ้ง ได้ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของธนาคารที่ระดับ AA- แนวโน้มอันดับเครดิต Stable และฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรภายในประเทศระยะยาวของธนาคารจาก A+ เป็น AA- อีกด้วย" นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กล่าวทิ้งท้าย