บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS เปิดเผยว่า ทิศทางการลงทุนในส่วนตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบๆให้แนวรับ 1,673 จุด และแนวต้าน 1,708 จุด โดยมองว่าภาพรวมของตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวน เนื่องจากตัวแปรจากต่างประเทศ ที่เข้ามาเป็นตัวแปรที่สำคัญ ดังนั้นจึงแนะนำกลยุทธ์การลงทุน โดยให้อิงกับสัญญาซื้อทางเทคนิค ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลยุทธ์ในเชิงเทคนิค คือ กลุ่ม Aggressive: หุ้นที่อยู่ในกรอบขาขึ้น แต่มีการพักตัว เช่น กลุ่มโรงพยาบาลBDMS , กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมฯ WHA, ROJNA, กลุ่มธนาคาร BBL, กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ KCE, กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง STEC
และ2.กลุ่ม Defensive: หุ้นทางต่ำที่รอเริ่ม Cycle รอบใหม่ เช่น กลุ่มโรงพยาบาล THG , หุ้นกลุ่มน้ำตาล (Trading): ด้วยอานิสงส์บวกจากราคาน้ำตาลโลกฟื้นตัวจากเดือน ส.ค. 61 ที่มีราคาราว 9 เซนต์ต่อปอนด์ ซึ่งปัจจุบันราคาปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 13.4 เซนต์ต่อปอนด์ ทำ New High ในรอบ 4.5 เดือน เนื่องจากปริมาณน้ำตาลส่วนเกินปรับตัวลดลงขณะที่ปริมาณการใช้น้ำตาลเพิ่มขึ้นทุกๆ ปีตามความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น มองเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มน้ำตาล เลือก BRR, KSL
อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัย มองว่า ปัจจัยที่ยังคงเป็นแรงกดดันตลาด จนทำให้ดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ยังคงเป็นความเสี่ยงที่จะเกิด Currency War หลังสัปดาห์ที่ผ่านมาจีนใช้มาตรการลด Reserve Requirement เพื่อเพิ่มสภาพคล่องใน เศรษฐกิจและบรรเทาผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ส่งผลให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงสร้างความไม่พอใจให้กับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการลดยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ปัจจุบันนักลงทุนรอติดตามการประกาศรายชื่อประเทศที่เข้าข่ายถูกสงสัยว่าปั้นค่าเงิน ส่วนใหญ่เป็นประเทศในเอเชียซึ่งอาจจะตามมาด้วยการถูกสหรัฐฯ ใช้มาตรการทางการค้าที่รุนแรงขึ้น อีกทั้งเรื่องข้อพิพาทระหว่างสหรัฐฯ- ซาอุฯ ที่อาจรุกรามเป็นปัญหาทางศก. หลังผู้สื่อข่าวซาอุฯ ซึ่งเน้นเขียนวิจารณ์ผู้นำซาอุฯ หายตัวไป
และมีโอกาสที่จะถูกฆาตกรรมในสถานฑูตซาอุฯ ในตุรกี ซึ่งสหรัฐฯ ประกาศว่าจะลงโทษซาอุฯ ด้วยมาตรการทาง ศก. ขณะเดียวกันซาอุฯ ก็ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมในการโต้ตอบสหรัฐฯ ด้วยการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบซึ่งจะทำให้อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ให้เร่งตัวขึ้น
สุดท้ายเรื่องความคืบหน้าของแผนถอนตัวจาก BREXIT ระหว่างอังกฤษ และ EU ที่จะมีการเจรจารอบใหม่ โดยหากทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถตกลงปัญหาบริเวณเขตตอนเหนือของอังกฤษในช่วงหลัง BREXIT ได้ อาจส่งผลให้อังกฤษอาจถูกบังคับให้ออกจากกลุ่มโดยไร้ข้อตกลง ซึ่งจะส่งผลเสียต่อทั้งอังกฤษ และ EU