นายอุปกิต ปาจรียางกูร ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย (UPA) เปิดเผยว่า ขณะนี้โครงการโรงไฟฟ้าสหกรณ์การเกษตร 3 แห่ง จากกำลังการผลิตรวมทั้งหมดอยู่ที่ 7.95 เมกะวัตต์ มีความคืบหน้าต่อเนื่อง และล่าสุด โครงการโรงไฟฟ้าสหกรณ์การเกษตร วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ กำลังการผลิตรวม 1.75 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถทยอยเดินเครื่องจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์(COD) แรกและอีก 2 โครงการ คือ โครงการสหกรณ์ผู้ผลิต และผู้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ อ.กระแสสินธุ์ กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ และโครงการสหกรณ์การเกษตรกะทูน กำลังการผลิต 1.20 เมกะวัตต์ ทยอยCOD ภายในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ตามลำดับ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้รายได้ของบริษัทฯเติบโต โดยคาดว่าจะมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR)ที่ดี
" แนวโน้มธุรกิจในปีนี้มีทิศทางที่ดีขึ้นจากปีก่อน โดยเฉพาะการสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้น และสามารถสร้างอัตราผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น เนื่องจากโครงการโรงไฟฟ้าสหกรณ์การเกษตรทั้ง 3 โครงการ จะทยอยเดินเครื่องจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้ของบริษัทฯเติบโตอย่างแข็งแกร่ง " อุปกิต กล่าว
สำหรับการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังถือว่า มีสัญญานที่ดีในการทำธุรกิจของ UPA กับการเริ่มเห็นการทยอย COD ในโครงการโรงไฟฟ้าโครงการสหกรณ์ฯ ที่มีอยู่ในมือแล้ว และคงจะเป็นการทยอยรับรู้ตั้งแต่เดือนต.ค. นี้เป็นต้นไป ทั้ง 3 โครงการรวมกำลังการผลิต 7.95 เมกะวัตต์ มีอัตรารับซื้อไฟฟ้าที่ 4.12 บาทต่อหน่วยเป็นระยะเวลา 25 ปี ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ประมาณ 48 ล้านบาทต่อปี ดังนั้นเชื่อว่า จะทำให้บริษัทมีรายได้ที่ดี มั่นคงระยะยาว
ส่วนสัญญาการซื้อขายไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าขนาด 200 เมกะวัตต์ในเมียนมา จากการลงทุนผ่าน "บริษัทเมียนมาร์ ยูพีเอ" (MUPA) ก็คาดว่าน่าจะได้รับอนุมัติจากกระทรวงไฟฟ้า และพลังงานของพม่า (MOEE) ในเร็วๆนี้ รวมทั้งอยู่ระหว่างการมองหาโอกาสศึกษาธุรกิจพลังงาน ด้านอื่นๆ เพิ่มเติมทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกด้วยเพื่อสนับสนุนการเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่งและยังยืน