บริษัท จี-ยูครีเอทีฟ จำกัด ได้ให้ความสำคัญกับงานทุกประเภท ซึ่งทีมงานเรายังร่วมมือประสานงานด้านต่างๆ อีกหลายสิบงานเพื่อเสริมสร้างธุรกิจระหว่างประเทศไทยและญี่ปุ่นในทุกๆ ด้าน พร้อมทั้งสนับสนุนนโยบายรัฐบาลไทยที่จะให้ความสำคัญในมิตรภาพประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
ทั้งนี้ความสัมพันธ์ไทยและญี่ปุ่นสามารถเริ่มจากสิ่งที่ชาวญี่ปุ่นเรียกกันว่า "พลังละมุน" หรือ "Soft Power" (the ability to indirectly influence behaviour or interests through cultural) ที่มาในรูปแบบของการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ อาทิ วัฒนธรรม บันเทิง และ อาหาร "มิตรภาพต้องนำธุรกิจ" หากเรามีความเข้าใจซึ่งกันและกันทั้งในด้านวัฒนธรรมและความคิดที่สามารถเปิดรับในด้านความเหมือนและความแตกต่าง และการสานต่อเรื่องธุรกิจนั้นจะสามารถพัฒนาต่อไปได้อย่างยั่งยืน"
สำหรับนักธุรกิจเลือดใหม่อย่าง คุณเกิร์ล-ยุพเรศ เอกธุระประคัลภ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จี-ยู ครีเอทีฟ จำกัด เปิดใจภายหลังจากที่งาน JAPAN EXPO THAILAND งานอีเว้นท์ฝีมือคนไทยแต่ทำได้ยิ่งใหญ่ในระดับอาเซียน ประสบความสำเร็จมาถึง 4 ปีแล้ว และกำลังจะเริ่มเดินหน้าเตรียมงานครั้งยิ่งใหญ่ กับมหกรรมญี่ปุ่นแห่งปี! JAPAN EXPO THAILAND 2019 ซึ่งในครั้งนี้ถือว่าจัดอย่างยิ่งใหญ่ฉลองงานเข้าสู่ปีที่ 5 โดยจะจัดขึ้นในระหว่างวันศุกร์ที่ 25 ถึง วันอาทิตย์ ที่ 27 มกราคม 2562 ณ ศูนย์การค้า CentralWorld
คอนเซ็ปต์ JAPAN EXPO THAILAND2019 ครบ 5 ปี
ในการจัดงาน JAPAN EXPO THAILAND ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นงานอีเว้นท์ที่รวมความเป็นญี่ปุ่นไว้ ซึ่งแต่ละครั้งนั้นมีสีสันและไฮไลต์ที่น่าสนใจแตกต่างกันออกไป
สำหรับงานในครั้งที่ 5 นี้ คุณยุพเรศ เผยว่า ที่ผ่านผู้ที่เข้าร่วมงานชื่นชอบส่วนไหนเรายังคงเดิมไว้ และใน ขณะเดียวกันเราได้มีการเก็บข้อมูลต่างๆ เพื่อเตรียมจัดงาน ซึ่งบอกได้เลยว่ามีหลายกิจกรรมที่น่าสนใจอีกมากมาย
และสิ่งที่อยากจะนำมาเพิ่มเติมในงานครั้งนี้ก็คือเรื่องของดิจิทัล เพราะ ณ ปัจจุบันรัฐบาลไทยได้พยายามผลักดันให้นักธุรกิจหรือผู้ประกอบการไทยนำเอาเรื่องของดิจิทัลเข้ามามีส่วนของธุรกิจ โดยญี่ปุ่นคือหนึ่งในประเทศที่มีความเจริญในเรื่องของดิจิทัลและเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น
จุดเด่นงานที่เอกลักษณ์โดดเด่น
สำหรับภาพรวมอันโดดเด่นของงาน JAPAN EXPO THAILAND 2019 ได้รับการเปิดเผยจากคุณยุพเรศว่าในปีนี้จะดึงจุดเด่นของงาน 5 อย่าง เริ่มจาก อย่างแรก อาหารการกิน ถ้าเราถามคน 10 คนเรื่องไลฟ์สไตล์อาหารที่คุณกินนอกจากอาหารไทยแล้ว รองลงมาจะเป็นอาหารญี่ปุ่น เชื่อว่าอาหารญี่ปุ่นคือหนึ่งในใจของหลายคน จึงได้ดึงสุดยอดของอาหารญี่ปุ่นกว่า 30 ร้านค้าที่บินตรงจากประเทศญี่ปุ่นบินตรงมาให้ได้ลิ้มลองกันในงานนี้โดยเฉพาะ
อย่างที่สอง เรื่องการท่องเที่ยว ซึ่งในปีนี้จะเพิ่มขึ้นมาจากเดิม 2 โซน เป็น 3 โซน เพิ่มจากปีที่แล้วขึ้นมาอีก 1 โซน เนื่องจากการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นคนไทยให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ภายใน 1 ปีที่ผ่านมา มีคนไทยไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นนับกว่าล้านคน ซึ่งภายในงานมีแพคเกจการท่องเที่ยวพร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆให้ผู้ที่ชื่นชอบและหลงไหลในการท่องเที่ยวได้มาเลือกสรรในงานนี้อีกด้วย รวมไปถึงการนำจุดเด่นของแต่ละจังหวัดมานำเสนอ อาทิ จังหวัดโทคุชิมะ ได้นำการแสดงโชว์สุดอลังการ อย่าง "การร่ายรำอาวะโอโดริ" แบบดั่งเดิม ส่งตรงจากแดนปลาดิบกว่า 30 ชีวิต พร้อมทั้งเหล่าศิลปิน ที่มาร่วมในงานนี้ด้วย
อย่างที่สาม นอกจากกิจกรรมต่างๆที่ขนกันมาอย่างมากมายแล้ว ก็ยังมี ศิลปิน J-POP, J-ROCK ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะมีศิลปินมาเข้าร่วมแสดงในงานครั้งนี้กว่า 300 ชีวิต หรือประมาณ 40-50 วง ถือว่ารวมไอดอลญี่ปุ่นไว้มากที่สุดในเอเชียเลยก็ว่าได้
อย่างที่สี่ ในงานนี้ยังมีกิจกรรมคอสเพลย์พาเหรด, อานิเมะชื่อดัง, รวมไปถึงคาแร็กเตอร์การ์ตูน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในไฮไลท์ของคนไทย เพราะคนไทยมีแรงบันดาลใจกับตัวการ์ตูน ทำให้เริ่มสนใจในการเรียนภาษาญี่ปุ่น , เรียนรู้การวาดการ์ตูนอีกด้วย และในปีนี้ทางผู้จัดงานยังมีการแข่งขันAnimation Challenge เพื่อส่งเสริมและโปรโมทการท่องเที่ยวทั้งไทยและญี่ปุ่น โดยนำเสนอผ่านมาสคอตของงาน "มูจัง" และ "เก็นคุง" ซึ่งจะทำหน้าที่เล่าเรื่องราวต่างๆที่น่าสนุกและตื่นเต้นและทั้งประทับใจในการนำเสนอครั้งนี้
อย่างที่ห้า กิจกรรม POP Culture ซึ่งได้รวมความเป็นวัฒนธรรม, แฟชั่น และศิลปะไว้ในงานครั้งนี้ และสำหรับงานนี้ทางเราได้เชิญศิลปินที่มีชื่อเสียงด้านศิลปะจากประเทศญี่ปุ่น คุณฮิโรยูกิ มิสึเมะ ทาคาฮาชิ เป็นศิลปินที่ทำผลงานออกมาได้น่าสนใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งครั้งนี้ได้ออกแบบเพื่อนำลายมาใช้ในการทำเสื้อผ้าเดินแบบแฟชั่นที่จะเปิดตัวในงานอีกด้วย
ขยายฐาน "B2B" ออกไปกว้างขึ้น
งาน JAPAN EXPO THAILAND ในแต่ละปีนั้นได้ก่อให้เกิด B2B หรือ Business-to-Business คือ Business ของคุณนั้นได้ทำธุรกิจโดยขายสินค้าหรือบริการให้กับลูกค้าที่เป็นลูกค้าองค์กร ซึ่งไม่ได้เน้นเป็นรายบุคคล ทางคุณยุพเรศ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ยกตัวอย่าง ผู้ที่เข้ามาร่วมงานเข้ามาซื้ออุปโภค บริโภค นั่นคือ B2C หรือ Business-to-Consumer หมายถึงธุรกิจที่ขายสินค้าหรือบริการให้กับลูกค้าที่เป็นผู้บริโภคทั่วไป แล้วถ้าหากว่า เมื่อเราใช้จ่ายเสร็จทางลูกค้าอยากเป็นตัวแทนก็ทำให้เกิด B2B ใน B2C ได้ เป็นการต่อยอดธุรกิจได้
ซึ่งที่ผ่านมานับเป็นเรื่องน่าดีใจ หลายองค์กรที่มีโอกาสได้เป็นคู่ค้า บางรายสามารถมาเปิดธุรกิจในประเทศไทยด้วย ซึ่งมีอยู่หลายร้านที่ประสบความสำเร็จ แม้แต่ในโซนวัฒนธรรม ร้านสตูดิโอที่มีชุดให้เช่า อาทิ ชุดโออิรัน , ชุดแต่งงานในแบบต้นฉบับญี่ปุ่น ฯลฯ ที่ มาจากประเทศญี่ปุ่นหลังจากที่มาเข้าร่วมออกงานกับทางเราก็ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี ถูกติดต่อเช่าไปเป็นชุดแสดงละคร ชุดออกงาน ได้เป็นธุรกิจต่อยอด จนถึงวันนี้กำลังจะเปิดสาขาใหม่อีกด้วย ซึ่งสามารถต่อยอดธุรกิจได้เพิ่มขึ้นรวมไปถึงธุรกิจหลายอย่างที่มาร่วมงานล้วนแล้วแต่ได้ต่อยอดเป็น B2B แทบทั้งนั้น
เพิ่มแฟมิลี่โซน
สำหรับการจัดงานในปีครั้งที่แล้ว เราเปิดกิจกรรมภายในงานถึง 13 โซน แต่ในครั้งนี้จะเพิ่มเป็น 15 โซน ซึ่งในปีนี้จะเน้น "แฟมิลี่โซน" โดยคุณยุพเรศ กล่าวว่า เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่พาลูกๆ มาสนุกสนานได้ อาจมีคาแรคเตอร์ของตัวการ์ตูนใหม่ๆ มาสร้างสีสันในงานเพิ่มขึ้น ในขณะที่คาแรคเตอร์โซนคนรุ่นใหม่ที่ชอบวาดรูปหรือชอบวาดการ์ตูน งานในครั้งนี้จะจัดเต็มมากขึ้นกว่าเดิม
"อีกหนึ่งสีสันของงานครั้งนี้คือ เพื่อเป็นการนำร่องโอลิมปิก 2020 ที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพ ปีนี้จะสอดแทรกเรื่องของสปอร์ตเข้าไปด้วย โดยอาจจะนำนักกีฬาทีมชาติดังๆ ที่ไทยเรามีส่วนร่วมในโอลิมปิกด้วย เช่น นักวอลเลย์บอล และ นักกอล์ฟ ที่คนไทยชอบมาสร้างกิจกรรมความสัมพันธ์อันดีงานระหว่างทั้ง2ประเทศอีกด้วย
ทุ่มงบเพิ่ม 50 ล้านเพื่องานสตรอง
ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จี-ยู ครีเอทีฟ จำกัด กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า อีกเรื่องที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของการจัดงานคือ "งบประมาณ" สำหรับในครั้งที่ 5 นี้ ได้เพิ่มงบจากครั้งละ 30 ล้านบาทเป็น 50 ล้านบาท!!! เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 5 ปีอย่างยิ่งใหญ่ ของงานมหกรรมญี่ปุ่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย อย่างที่กล่าวไปข้างต้น เราขนความสนุก ความบันเทิง รวมไปถึงกิจกรรม ศิลปิน ดาราอีกมากมายมาย ไว้อย่างครบรสในงานนี้งานเดียว จัดเต็ม จัดใหญ่แน่นอน!!!!
ในการจัดงานอีเว้นท์ต่างๆ สิ่งที่ผู้จัดกังวลใจมากที่สุดนั่นคือ "งบสนับสนุน" ที่มาจากสปอนเซอร์ ซึ่งต้องคอยลุ้นกับเศรษฐกิจที่ผันผวนได้ตลอดเวลา
คุณยุพเรศ เปิดใจว่า ถือว่าเป็นความโชคดี ต้องขอขอบคุณที่สปอนเซอร์ทุกรายยังให้การสนับสนุนและให้โอกาสในการทำงาน ถ้าถามว่าอะไรคือการครองใจให้ผู้สนับสนุนทั้งหลายอยู่อย่างเหนียวแน่นนั้น เนื่องจากการจัดงานในแต่ละปีนั้น เราเป็นเหมือนพี่เหมือนน้อง จุดนี้คือสิ่งสำคัญมากกว่าคำว่า "ธุรกิจ" เวลาเรามีมิตรภาพให้กันนั้นเกินกว่าเรื่องเงิน ซึ่งการทำงานงานหนึ่งนั้น ต้องออกมาจากใจและทำให้เป็นที่ยอมรับต่อผู้เข้าร่วมงาน และพอใจต่อผู้สนับสนุนงานอีกด้วย
ความเข้มแข็งขององค์กร
คุณยุพเรศ กล่าวด้วยว่า นี่คือสิ่งที่เรากำลังช่วยกันในภาพรวมที่ทำให้ประเทศไทยสามารถต้อนรับคนญี่ปุ่น พร้อมทั้งรองรับทั้งความรู้สึก การลงทุน และรายได้ให้เข้าสู่ประเทศโดยแท้จริง โดยคาดการณ์ว่าเป็นเม็ดเงินที่จะนำมาลงทุนนั้นประมาณหลายร้อยล้าน ซึ่งในการทำธุรกิจนั้นคงไม่เกิดในวันสองวันอย่างแน่นอน แต่สามารถก่อให้เกิดขึ้นในระยะยาวอย่างแน่นอน เอาเฉพาะในงาน JAPAN EXPO THAILAND มีเงินหมุนเวียนในงานนับหลายสิบล้านแล้ว และหลังจากนี้จะมีการต่อยอดธุรกิจพร้อมทั้งยังมีการลงทุนในไทยอีกด้วย เราจึงเหมือนสะพานที่กำลังจะเปิดให้ญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในประเทศอย่างแท้จริง
ในขณะเดียวกัน คุณยุพเรศได้มีโอกาสเขาร่วม โครงการ Yen-D ของกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สร้างเครือข่ายผู้ประกอบการไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (Young Entrepreneur Network Development Program) ภายใต้การส่งเสริมและสนับสนุนจากกระทรวงต่างประเทศ และได้ถูกเลือกเป็นประธานในระหว่างไทยกับเมียนมาร์ เราอยู่ในโครงการนี้ยินดีที่จะสร้างธุรกิจให้กับคนรุ่นใหม่เข้าสู่ตลาด CLMV แล้วหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีโอกาสได้นำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทางด้านญี่ปุ่นไปขยายงาน Japan Expo ไปในอีกหลายประเทศในฝั่งเอเชียด้วย
นอกจากนี้คุณยุพเรศยังมีโครงการที่จะขยายไปตลาดเพื่อนบ้านเพิ่มเติม ซึ่งเป็นโอกาสที่ดี เพราะเป็นการครบรอบ 10 ปี ความร่วมมือประเทศลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น (Mekong-Japan Cooperation) โดยทาง บริษัท จียู ครีเอทีฟ จำกัด ก็อยากจะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันเศรษฐกิจประเทศไทยผ่านตัวงาน ทั้งสินค้า บริการ และด้านบันเทิงระหว่างสองประเทศ
โดยเผยว่า ในปีที่ผ่านมาเราได้นำงานอีเว้นท์ดีแบบนี้ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง ประเทศมาเลเซีย ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม พร้อมทั้งมีการวางแผนงานที่จะขยายไปยังประเทศเมียนมาร์อีกด้วย ซึ่งในขณะนี้มีหลายประเทศที่ติดต่อเข้ามาอยากซื้อสิขสอทธิ์ของ JAPAN EXPO ไปเปิด อาทิ สิงคโปร์ เวียดนาม และไต้หวัน เขาอยากซื้อลิขสิทธิ์ไปทำเอง แต่ความต้องการของเราคืออยากไปเริ่มด้วยตัวเอง นำความสนุกความบันเทิงและกิจกรรมต่างๆไปเผยแพร่ในฝั่งเอเชีย ให้ได้มากที่สุด และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีในการจัดงานครั้งต่อๆไป