ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส สายงาน Global Business Development and Strategy ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า Krungthai Macro Research ได้ออกบทวิจัยเรื่อง "Automation และการปรับตัวของมนุษย์เงินเดือนชาว Millennials" โดยมองว่า Automation หรือการนำเทคโนโลยีมาทำให้งานเป็นอัตโนมัติมากขึ้น จะมีผลกระทบต่อความก้าวหน้าในอาชีพการงานบางประเภท โดยเฉพาะงานรูทีน และจะมีผลต่อการเติบโตของรายได้และภาวะความเป็นอยู่ในอนาคต
"เรื่องนี้สำคัญสำหรับชาว Millennials หรือผู้ที่เกิดในช่วงปี 2523-2540 เนื่องจากเป็นกลุ่มที่อยู่ในวัยทำงาน และต้องอยู่ในตลาดแรงงานในช่วง 20 กว่าปีข้างหน้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่จะมีการนำ Automation มาใช้แพร่หลายมากขึ้น โดยเทคโนโลยี Automation ใหม่ๆ สามารถทำงานแทนพนักงานในออฟฟิศ หรือ White-collar jobs หลายๆ อย่างได้มากขึ้น รวมทั้งงานที่มีค่าจ้างสูงๆ ด้วย"
โดยผลสำรวจของ World Economic Forum ในปี 2561 พบว่า 50% ของบริษัทในกลุ่มตัวอย่างจากหลายประเทศทั่วโลก คาดว่า Automation จะกระทบการจ้างงานแบบเต็มเวลาภายในปี 2565 ซึ่งขณะนี้บริษัทขนาดใหญ่ของไทยต่างก็มีแผนจะนำ Automation มาใช้งานเพิ่มมากขึ้น แม้ไม่มีการลดจำนวนพนักงานลงด้วยการเลิกจ้าง แต่ก็เตรียมปรับโครงสร้างองค์กร
"หากชาว Millennials ยังทำงานรูทีนเหมือนเดิม อัตราการเติบโตของรายได้จะน้อยลงตามความต้องการทักษะดังกล่าวที่ลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อเงินออมในช่วงวัยทำงาน และสุดท้ายเงินออมสำหรับใช้ในช่วงหลังเกษียณอาจน้อยกว่าที่คาด ทำให้ต้องทบทวนว่าจะทำงานเดิมต่อไป หรือเรียนต่อ เพื่อเปลี่ยนมาทำงานในลักษณะที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์หรืองานเชิงบริหาร ซึ่งเป็นงานที่ทำให้เป็นอัตโนมัติได้ยากกว่า"
ดร.กิตติพงษ์ เรือนทิพย์ รองผู้อำนวยการฝ่าย สายงาน Global Business Development and Strategy กล่าวว่า สำหรับชาว Millennials การเติบโตของรายได้ที่ลดลง 1% อาจต้องทดแทนด้วยการออมที่เพิ่มขึ้นถึง 4% ของรายได้ เพื่อให้มีเงินใช้หลังเกษียณเท่าเดิม ในบางกรณี หาก Automation ทำให้รายได้เราโตเท่าอัตราเงินเฟ้อเท่านั้น อาจต้องออมถึง 35% ของรายได้ จากเดิมที่ออมเพียง 25% ของรายได้ แต่การออมมากขนาดนั้นก็ทำได้ไม่ง่ายนัก
ในตลาดแรงงานยุคใหม่ การเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เป็นสิ่งจำเป็น หากกังวลว่าการเติบโตของรายได้จะถูกกระทบจาก Automation การศึกษาเพิ่มเติมเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าพิจารณา เนื่องจากช่วยให้สามารถทำงานประเภทใหม่ที่ถูกทำให้เป็นอัตโนมัติได้ยาก ทำให้มีรายได้และอัตราการเติบโตของรายได้ที่สูงกว่าเดิม แม้จะมีต้นทุนจากการเรียนต่อ แต่ก็สามารถคืนทุนในเวลาไม่กี่ปี อย่างไรก็ดี การเรียนต่ออาจไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายสำหรับทุกคน
ดังนั้น การปรับตัวด้านการออมและการลงทุนจึงจำเป็น ซึ่งนอกจากการปรับเพิ่มอัตราการออมแล้ว ชาว Millennials ควรพิจารณาผลิตภัณฑ์ประกันประเภทต่างๆ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดในอนาคต และควรพิจารณาสัดส่วนที่เหมาะสมในการลงทุนในตราสารทุน และกระจายความเสี่ยงในการลงทุน เพื่อให้ได้ผลตอบแทนระยะยาวที่ดี และที่สำคัญ ควรทำแต่เนิ่นๆ เพื่อจะช่วยให้มีเงินพอใช้จ่ายในวัยเกษียณตามที่ตั้งใจไว้