นพ.ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง และผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมความงาม รพ.บางมด เปิดเผยว่า "โดยปกติตามธรรมชาติแล้ว เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น หนังตาบริเวณด้านข้างจะตกก่อน และตกมากกว่าด้านใน ซึ่งโดยทั่วไปจะเรียกอาการแบบนี้ว่า "หางตาตก" มักเกิดร่วมกับภาวะคิ้วตก และรอยตีนกาบริเวณหางตา
สำหรับวิธีแก้ไขโดยการทำศัลยกรรมมีได้หลายวิธี และแต่ละวิธีก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน ซึ่งในปีที่ผ่านมา เราได้นำเทคนิคการดึงหางตา (Temporal lift) ที่ประยุกต์เอาเทคนิคการดึงหน้าส่วนบนมาใช้กับบริเวณหางตา เพื่อแก้ไขหางตาตก และล่าสุดเราได้พัฒนาเทคนิคใหม่ในการแก้ไขปัญหาหางตาตกให้กับคนไข้ เพื่อประสิทธิผลที่ดีขึ้นกว่าเดิม มาเป็นเทคนิคการดึงหางตา 2018 (Temporal lift X2) โดยเทคนิคนี้เป็นการเย็บด้านใน 3 ชั้น ได้แก่ ชั้นผิวหนัง, ชั้นไขมัน และชั้นกล้ามเนื้อ เพื่อผลลัพธ์ในการยกกระชับได้ผลลัพธ์มากขึ้นจากเดิม
ข้อดีคือ 1.ช่วยทำให้บริเวณหางตาที่ตก ยกขึ้น และชั้นตาดูดีขึ้น เพราะหนังตาส่วนเกินถูกยกขึ้น อย่างเป็นธรรมชาติ 2.ช่วยทำให้หางคิ้วที่ตก ยกขึ้นอย่างพอดีและเป็นธรรมชาติ 3. ช่วยลดรอยตีนกา (Crow's Feet) อย่างชัดเจนและถาวร 4. โหนกแก้ม (Malar Area) ที่หย่อนคล้อย ยกขึ้น ทำให้ดูอ่อนวัยลง 5. ช่วยทำให้บริเวณร่องแก้ม (Nasolabial fold) จางลง ใบหน้าจึงดูอ่อนวัยลงอย่างชัดเจน (โดยเฉลี่ย 5-8 ปี) เป็นวิธีที่ได้ประโยชน์มากที่สุด และให้ผลถาวร แต่ข้อเสียคือ ค่าใช้จ่ายสูง และต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ"
ทั้งนี้ ในช่วงปีที่ผ่านมา ทางศูนย์ศัลยกรรมความงาม รพ.บางมด มีสถิติคนไข้ขอรับคำปรึกษาปัญหาศัลยกรรมตาทั้งผู้หญิงและผู้ชายทุกวัน ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1,500 ราย โดยส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนวัย 40 – 50 ปีขึ้นไป ที่เข้ามาปรึกษาและแก้ไขปัญหาหางตาตก ถุงใต้ตา หนังตาตก ส่วนในกลุ่มวัยทำงาน 25 – 30 ปี จะให้ความสนใจศัลยกรรมตาสองชั้น และปัญหาหางตาตก